Cardiopulmonary Resuscitation Shortnote (Version 2.5)
สรุปโดยย่อโดย อโดย อ.นพ.บวร วิทยชํ ทยชํานาญกุ านาญกุล
การดูแลผู แลผู ้ป่ วยที วยทีไม่ ไม่มีมีชีชพจรตามแนวทางการช่ พี จรตามแนวทางการช่วยฟื วยฟืนคื น คืนชี นชีพ 2010 มี แนวทางดังนี ง นี
คือ การช่วยชี วยชีวตผู ติ ้ผูป่วยขั วยขันพื น พืนฐาน น ฐาน ด้วยวิธีธกี าร ง่ายที ายทีสุสดไม่ ดุ ไม่ต้ตอ้ งใช้เครื ครื องมือหรื อหรือบุคลากรใด คลากรใด ๆ ที ทีซัซับซ้ บซ้อน แต่เน้ เน้นว่า ต้องทําทั าทันที นทีที ทพบเหตุ พี บเหตุการณ์ การณ์ แม้วาจะเป็ า่ จะเป็นขันตอนที น ตอนทีไม่ ไม่ซัซับซ้ บซ้อนก็ ตามแต่เป็ เป็นขันตอนที น ตอนทีมีมความสํ คี วามสําคั าคัญมากในการทํ ญมากในการทําให้ าให้ ้ผปู ่ วยมีชีชพี จร กลับมา บมา มีขัขันตอนดั น ตอนดังนี ง นี Call for response หลังจากพบว่ งจากพบว่าผู า ้ผูป่ วยไม่ ้รูรสึสู กตั กึ ตัว ให้ร้ อง อง ขอความช่วยเหลื วยเหลือทั อทันที นที หากเกิดในโรงพยาบาลควรตาม defibrillator และแพทย์ หากเกิดนอกโรงพยาบาลควรตาม ดนอกโรงพยาบาลควรตาม รถพยาบาล (EMS : 1669) าชีพจรที จรที carotid artery 5-10 วินาที นาที หาก Circulation คลําชี พบว่าไม่ าไม่มีมชีชี พี จรให้ทาการกดหน้ าํ การกดหน้าอกทันที นที กดลึก 2 นินิว อย่างน้ างน้อย 100 ครังต่ ง ต่อนาที อนาที Airway เปิ เปิ ดทางเดิ ดทางเดินหายใจ นหายใจ ด้วยวิธีธี Head-tilt chin-lift หรือ หากเป็น ้ผูป่ วยได้ วยได้รับบาดเจ็ บาดเจ็บต้ต้องเปิ งเปิ ดด้ ดด้วยวิ ธี Jaw trust Breathing ช่วยหายใจ วยหายใจ ด้วยการเป่ ยการเป่ าปาก ในอัตราการกด ตราการกด หน้าอก ต่อการช่ อการช่วยหายใจ วยหายใจ 30 : 2 Defibrillation ช็อกไฟฟ้ กไฟฟ้ าหัวใจด้ วใจด้วยเครื ยเครื อง Automated External Defibrillators (AED) หรือ Defibrillators
Basic Life Support
การดูแลผู แลผู ้ป่ วยด้ วยด้วยอุ ปกรณ์ ปกรณ์ ยา ทีมงานที มงานที ครบครันยิ ยิ งขึ ง ขึน ประกอบด้วย Airway เปิ เปิ ดทางเดิ ดทางเดินหายใจด้ นหายใจด้วยอุปกรณ์ ปกรณ์ตาง า่ ง ๆ เช่น oropharyngeal airway, nasopharyngeal airway, combitube® ฯลฯ ส่วนการใส่ วนการใส่ท่ทอช่ อ่ ช่วยหายใจสามารถทํ วยหายใจสามารถทําได้ าได้ แต่ต้ต้องไม่รบกวนการ รบกวนการ CPR
Breathing การช่วยหายใจด้ วยหายใจด้วยอุปกรณ์ ปกรณ์ทดีดี ี ีขึขนึ คือ Bag mask ventilation Circulation การให้ยาที าทีจํจาํ เป็เป็ น เปิเปิ ดเส้ ดเส้นเลือดและ อดและ monitor ECG
Differential Diagnosis : 5H5T เป็นสาเหตุที ทีสํสาคั าํ คัญควร ญควร ต้องหาสาเหตุได้ ได้เจอ
Advance Life Support
ตารางที 1 สรุปการช่วยชีวตตามอายุ ติ ตามอายุ
แผนภาพที 1 แนวทางการด ู ูแลผ แลผ ้ ู ูป่วย Pulseless Arrest
Pulseless Arrest : -
-
-
ทําการช่ าการช่วยฟื วยฟืนคื น คืนชี นชีพต้องมีค่คามากกว่ า่ มากกว่า 20 หรือ ค่า diastolic blood pressure จาก arterial line monitor มีค่คา่
จุดเน้น
การดู ECG ที ทีรวดเร็ รวดเร็วแนะนําให้ าให้ใช้ Paddle สัสัมผั มผัสบริ สบริเวณ หน้าอก การ defibrillations ต้องรบกวนการทํา chest compression ให้สันที น ทีสุสดุ (ตังแต่ ง แต่ปล่ ปล่อยมื อยมือจนกด อจนกด shock; ไม่เกิ เกิน 10 วินาที นาที) ทา Electrode gel ทุกครั กครังที ง ทีจะทํ จะทําการ าการ shock กด paddle ลงบนหน้ ลงบนหน้าอกให้แน่ นพอ นพอ ตําแหน่ าแหน่งที งทีวาง วาง paddle ตามรูปที ที 1
-
ปที 1 การวาง Paddle ูรปที -
เมื เมือ charge เสร็จและวาง paddle ลงไป ให้ทุกคนถอยห่ กคนถอยห่าง าง จากผู ้ป่วยและให้ วยและให้สัญญาณเพื ญญาณเพือยํ อ ยําให้ า ให้ทกคนถอย กุ คนถอย คือ 1-ฉันถอย : สังเกตว่ งเกตว่าตั าตัวเองไม่ วเองไม่ได้ ได้สัมผั มผัสผู ส ้ผูป่ วย
-
-
คุณถอย : สังเกตว่ งเกตว่าผู า ้ผูปฎิ บับัติติงานไม่ งานไม่ได้ ได้สัมผั มผัสผู ส ้ผูป่วย วย
2-
ทุกคนถอย : มองให้รอบเพื อบเพือให้ อให้แน่ใจว่ ใจว่าไม่ าไม่มีมใคร ใี คร
3-
สัมผั มผัสผู ส ้ผูป่ วย ช็อก อก : ให้สัญญาณพร้ ญญาณพร้อมกดช็อก -
-
-
ก่อนจะกด อนจะกด shock ให้ดู ECG ให้ม ันใจอี น ใจอีกครั กครังว่ ง ว่ายั ายังคงเป็ งคงเป็น shockable rhythms หลังจาก งจาก Defibrillations เสร็จต้องทํา High quality of CPR ต่อไปอี อไปอีก 2 นาทีเสมอ เสมอ ไม่ว่วา่ ECG จะมีการ การ เปลี เปลียนแปลงเป็ ยนแปลงเป็นอะไรก็ตาม การทํา High quality of CPR เป็นสิ สิงที งทีสํสาคั าํ คัญที ญทีจะช่ จะช่วยให้ วยให้มี ชีพจรกลับมาได้ บมาได้ (Return of Spontaneous circulation; ดได้ด้วยการใช้ End-tidal CO2 ระหว่างการ างการ ROSC) อาจวัดได้
ไม่ตํ ตํากว่ ากว่า 20 mmHg หากมีค่ค่าตํ าตํากว่ ากว่านี า นีต้ต ้องเพิ งเพิม ประสิทธิ ทธิภาพของการกดหน้าอกให้แรงและเร็วขึน “Flat Line protocol” ต้องทําเพื าเพือยื อยืนยั นยันว่ นว่าไม่ าไม่ใช่ ใช่ VF มีวิวธีธิ ี ทําคื าคือ เปลี เปลียน ยน leads อย่างน้ างน้อย 2 leads (หากยังไม่ งไม่ติติด leads แนะนําให้ าให้สลับตํ บตําแหน่ าแหน่งของ งของ paddle จาก lead II ไป เป็น lead III ;ดังรู งรูป 2) และ เพิ เพิม amplitude ของ ECG ใน ขนาดที ขนาดทีเหมาะสม เหมาะสม หาก On IV ไม่ได้ ได้ให้พิจารณา จารณา IO ก่อน อน Endotracheal route โดยใช้ โดยใช้ dose เท่ากั ากับ IV ยาที ยาทีใช้ ใช้ใน ET ได้ ได้แก่ LEAN : Lidocaine, Epinephrine, Atropine, Naloxone โดยใช้ยาเป็น 2-2.5 เท่าของ าของ dose IV ูรปที ปที 2 การทํา flatline โดยใช้ Paddle
Drugs -
-
1 mg V q 3-5 min (แนะนําให้ าให้ทกุ 4 min เพราะจะให้ทกุ 2 cycle) ให้หลังเริ งเริ มเป็ เป็ น VF/pulseless VT ไปอย่างน้ างน้อย 2 นาที (หรือหลัง shock ที ที 2-3 ขึนไป) แต่ หากเป็ หากเป็ น Asystole/PEA ให้ ให้ 1 mg ทันที นทีที ทเปิ เี ปิดเส้นได้ Amiodarone (300 mg IV ผสม 5DW 20-30 mL mL ซําได้ า ได้ 150 mg IV ห่างจาก างจาก dose แรก 5-10 นาที) ควรให้เมื มือนึ อนึก ถึง refractory VF/pulseless VT ,หากไม่มีมให้ ใี ห้ Lidocaine 1.5mg/kg IVP/IO และซําได้ าได ้ 0.5-0.75mg/kg ห่างจาก างจาก 1-1.5mg/kg dose แรก 5-10 นาที
Adrenaline
แผนภาพที 2 แนวทางการด ู ูแลผ แลผ ้ ู ูป่วย Bradycardia Bradycardia :
จุดเน้น
้ผูป่ วยที วยทีมีมีชีชพี จรก็ให้ห้ approach ผู ้ป่วยตามหลักการ กการ ABC โดย งตรวจหา 5 อาการหลัก ( โดย การประเมิน Unstable ซึ ซึงตรวจหา อาการเหล่านีต้องเป็ ต้องเป็นผลทีเกิ เกิดจาก bradycardia)
Hypotension : BP < 90/60 mmHg หรื หรือ ลดลง 20% จาก baseline เดิม Acute altered mental status : ความรู ้ สึสกตั กึ ตัวลดลงอั วลดลงอัน เนื เนืองมาจากเลื องมาจากเลือดไปเลี อดไปเลียงสมองไม่ เพี เพียงพอ ยงพอ Sign of shock : capillary refill > 2 sec Ischemic chest discomfort : เจ็บอกเนื อกเนืองจากการที องจากการที เลือดไปเลี อดไปเลียง coronary ไม่พอ พอ Acute Heart Failure : อาการหัวใจล้ วใจล้มเหลวกะทันหั นหัน โดยมีอาการหอบเหนื อาการหอบเหนือย อย นอนราบไม่ได้ ได้ Neck vein engorge, lung crepitation both lung โดยเป็ โดยเป็ นมาใน นมาใน ระยะเวลาอันสั นสัน Atropine มักใช้ กใช้ไม่ได้ ได้ผลใน Infranodal block ซึ ซึงได้ งได้แก่ Mobiiz II และ Third degree AV block ที ทีเป็ เป็นตัวกว้ วกว้าง ควรหลีกเลี กเลียงการใช้ ยงการใช้ โดยการให้ โดยการให้ Dopamine/Epinephrine แทน หรือติด External Pacing ไปเลยจะดีกว่ กว่า
หลังจากให้ งจากให้การรักษาต้องประเมิ นผู ้ป่ วยซํา ว่าผู า ้ผูป่ วย กลับมา บมา stable หรือไม่ วิธีธีตัง External pacemaker เปิ ด pace mode mode ขึนมาก่ น มาก่อน อน 1. เปิ 2. ตัง mode เป็ เป็ น Demand mode 3. Rate ประมาณ 70-80/min ไปทีประมาณ ประมาณ 150 mA แล้วกดปุ ่ ่ม on pace 4. ตัง Output ไปที เพื เพือให้ อให้เครื ครื องเริ งเริ มทํางาน างาน 5. ให้ ให้ลด output มาที มาทีปริ ปริมาณที าณทีน้นอ้ ยที ยทีสุสดที ดุ ทียัยังสามารถทํ งสามารถทําให้ าให้มี การ capture ได้ 6. จึงเพิ งเพิม Output จากจุด “Pacing Threshold” มา 10% หรือประมาณ 10 mA าชีพจรเพื จรเพือประเมิ อประเมินว่ นว่าชี าชีพจรตรงกับ pacer หรือไม่ (ชีวิวิต 7. คลําชี จริงที ทีคอมั คอมักจะกระตุ กจะกระตุก ดังนั งนันควรประเมิ น ควรประเมินที นที femoral pulse) กครัง ว่ากลั ากลับมา บมา 8. วัด BP และประเมิน sign of unstable อีกครั stable หรือไม่
ให้ประเมิ น ECG 12 lead ทุกครั กครัง Stable
แผนภาพที 3 แนวทางการด ู ูแลผ แลผ ้ ู ูป่วย Tachycardia Tachycardia :
o
o
o o
-
จุดเน้น
การทํา vagal maneuver โดย carotid sinus massage ต้องฟัง bruit ก่ อนทุ อนทุกครั กครัง การกดนวดให้กดทีละข้ ละข้างเริ งเริ มจาก non dominate (ขวา) ก่อน อน เวลากดให้กดที ดที carotid sinus กดจนแนบ vertrabral body นวดประมาณ 10 วิ นาที นาทีต่ตอข้ ่อข้าง
การให้ การให้ยา adenosine ต้องทําด้ าด้วย double syringe technique (rapid push) ด้วยเส้นใหญ่มักจะเป็ กจะเป็นที ทีเหนื เหนือ ข้อพับ 6 12 mg ตามลําดั าดับ หากได้ หากได้ผลจะ ECG จะยืด ออกการใช้ ออกการใช้ Adenosine ใน SVT ต้องเตรียม Defibrillator ให้ ให้พร้อมด้วยเสมอ หากเป็ หากเป็ น WPW อาจเกิด AF with WPW
หลังจากให้ งจากให้การรักษาต้องประเมิ นผู ้ป่ วยซํา ว่าผู า ้ผูป่ วย กลับมา บมา stable หรือไม่ - แม้ใน guideline (box 6) ให้ใช้ adenosine ใน stable wide QRS tachycardia (monomorphic) เพื เพือใช้ อใช้ แยก แยก SVT with aberrancy ได้ แต่ถ้ถ้าเป็นไปได้ควรอ่านให้ านให้ออกว่าเป็ าเป็น SVT หรือ VT -
ปที 3 PSVT หลังฉี หลังฉีด Adenosine ูรปที
แผนภาพที แผนภาพที 4 แนวทางการดูแลผู แลผู ้ป่วยทั วยทันที นทีที ทมีมี ชีชี พจรกลั พี จรกลับมา บมา Post resuscitation care
หลังจากคลํ งจากคลําชี าชีพจรได้ จรได้ ให้ ให้ประเมิ นความดั นความดัน ประเมินผู น ้ผูป่ วยเรื วยเรื อง Airway และ Breathing ว่าผู า ้ผูป่ วย กลับมาหายใจหรื บมาหายใจหรือไม่ SPO2 เป็เป็ นอย่ นอย่างไร างไร ให้การช่วย วย หายใจหรือให้ออกซิเจนตามความเหมาะสม เจนตามความเหมาะสม ของการไม่มีมชีชี พี จร - หาสาเหตุของการไม่ การหาสาเหตุของการไม่มชีชี ีพจร พจร (ตารางที ตารางที1) ง ชีว่ว าผู า่ ้ผูป่วยน่ วยน่าจะเป็ าจะเป็นอะไร − ประวัติต ้ิผูผปู ่ วยบ่งชี างการช่วยฟื วยฟืนคื น คืนชี นชีพควรตรวจหาสาเหตุที ทพอเป็ พี อเป็นได้ − ระหว่างการช่ การฟังปอด การตรวจเลื อดหาโพแตสเซี อดหาโพแตสเซียมและภาวะเลื ยมและภาวะเลือด อด เป็นกรด การวัดอุ ดอุณหภู ณหภูมิมเป็ เิ ป็นต้น กเลียงการทํ ยงการทําให้ าให้เกิด 5H5T คือ ช่วยหายใจต้ วยหายใจต้องมี − การหลีกเลี chest rising ไม่ให้ ให้ ้ผปู ่ วยสูญเสี ญเสียความร้ ยความร้อนมากเกินไป (ที ที เหมาะสมคือ 32-34 Celsius) − หลังจากมี งจากมี ROSC ควรหลีกเลี กเลียงการเกิ ยงการเกิด hypoxia ทํา ECG 12 leads เพื เพือช่ อช่วยในการวิ วยในการวินินิจฉั จฉัยโรคต่ ยโรคต่าง าง ๆ โดยเฉพาะ โรคหัวใจขาดเลื วใจขาดเลือด อด
-
หากผ ้ ู ูป่วยช่วยหายใจด้ ยหายใจ ด้วยท่ วยท่อช่วยหายใจแล้ ยหาย ใจแล้วมี วมี อาการแย่ลงควร ปฏิบัติ บัติดังนี ดังนี -
-
-
-
-
เช็คท่อช่ อช่วยหายใจว่ วยหายใจว่าลึ าลึกเหมาสมหรื กเหมาสมหรือไม่ จาก respirator เปลี เปลียนการช่ ยนการช่วยหายใจด้ วยหายใจด้วยการบีบ bag ฟัง ปอดทัง 2 ข้าง หากฟังไม่ เท่ เท่ากั ากัน นึกถึ กถึง Pneumothorax และ tube one lung (Displacement) ให้ ให้ตรวจร่างกายยืนยั นยัน หากพบว่า เป็นอะไรให้รบี รักษา หากได้ยนเสี นิ เสียงท่ ยงท่อเข้ อเข้ากระเพาะ(Displacement) ให้เอาท่อ ออก และช่วยหายใจโดยใช้ วยหายใจโดยใช้ mask bag ไปก่อน อน จนกว่าที าทีม จะพร้อมจึงใส่ งใส่ท่ท่อช่ อช่วยหายใจใหม่ วยหายใจใหม่ หากไม่ได้ ได้ยินเสี นเสียงที ยงทีใดและบี ใดและบีบไม่ บไม่เข้เข้าให้นกถึ กึ ถึง obstruction ให้ ให้ suction หากตรวจแล้วไม่พบสิ พบสิงใดให้ งใดให้นกถึ กึ ถึง Equipment failure
้ผูป่ วยรู ้ส ึกตั กตัวหรื วหรือไม่ ไม่ ้ผูป่ วยมีชีชพี จรหรือไม่ Start CPR
ไม่มีมี
EKG Monitor by Defibrillator 1 VT
หรือ VF
Flat line
Do “flatline protocol” *
Course line Pulseless VT, VF
Defibrillations
Continue CPR Medication
Pulseless : Shockable rhythm
มี QRS complex หรือ ECG เหมือนมี อนมีชีชีพจร พจร
มีภาวะหั ภาวะหัวใจเต้ วใจเต้นเร็ว หรือช้าหรือไม่
PEA
Continue CPR Medication
Tachycardia
Synchronized cardioversion
Bradycardia
มี
Medication Expert Consult
Pulseless : Non shockable rhythm
2
Pulse < 50/min
Pulse > 150/min
Still flat line Asystole
้รูสึสึกตั กตัว
มี
มีภาวะไม่ ภาวะไม่คงที คงทีหรื หรือไม่**** ไม่มีมี ECG 12 leads
Pulse : tachycardia
มี
Medication Pacemaker Observe Consult expert
Pulse : Bradycardia
ประเมิน pulse และ ECG monitoring ทุ ก 2 นาที หากไม่มีมชีชี พจรไปกรอบที พี จรไปกรอบที 1 มีชีชพจรไปกรอบที ีพจรไปกรอบที 2 หมายเหตุ * Change leads ,Check lead, increased optimal amplitude **ความดันโลหิ นโลหิตตํ ตตํา,า, Perfusion ลดลง, แน่ นหน้ นหน้าอก, ความรู ้ สึสึกตั กตัวเปลี วเปลียนแปลง, ยนแปลง, มีภาวะหั ภาวะหัวใจล้ วใจล้มเหลว
แผนภาพที แผนภาพที 5 ขันตอนการช่ น ตอนการช่วยชี วยชีวิวติ โดยเน้นประเด็นการประเมิ นการประเมิน ECG
แผนภาพที 5) การประเมินผ น ้ผ ู ูป่วยว่าต้องให้ งให้การรักษาใด กษาใด (แผนภาพที การรักษาผู ้ป่วยอย่ วยอย่างถู างถูกต้ กต้องนันต้ น ต้องอาศัยการอ่ ยการอ่าน าน ECG strip ที ทีดีดีร่รว่ มกับการดู บการดู ้ผูผปู ่ วยว่ วยว่าผู า ้ผูป่ วยมีอาการอย่ อาการอย่างไร างไร เพื เพือการรั อการรักษาที ถูกต้ กต้อง ดังนั งนันการดู น การดู ECG ควรทําร่ าร่วมกับการคลํ บการคลําชี าชีพจร (หากจังหวะที งหวะทีเห็ เห็นน่ นน่าจะมี าจะมีชีชพี จร) และหากมีชีชพี จรควรประเมินด้ นด้วยว่าผู า ้ผูป่วยมี วยมี ภาวะคงที ภาวะคงทีหรื หรือไม่ เพราะการรักษาแต่ ละประเภทไม่ ละประเภทไม่เหมื เหมือนกั อนกัน
วข้อนีควรอ่ ค วรอ่านรายละเอี านรายละเอียดเพิ ยดเพิมเติ มเติมในแต่ มในแต่ละเรื ละเรื องอีกครั กครัง)ง ) ตารางที 1 Differential diagnosis (หัวข้ 5H5T
Hypovolemia
Hypoxia
Hydrogen ion
Hypokalemia
Hyperkalemia
Hypothermia
Tension pneumothorax
Tamponade (Cardiac)
Toxin
Thrombosis coronary Thrombosis pulmonary
Searching
ประวัติติเสี เสียนํ ย นํา (อาเจียน ถ่ายเหลว) ายเหลว) เสีย เลือดทั อดทังจากการบาดเจ็ ง จากการบาดเจ็บและไม่บาดเจ็ บาดเจ็บ ประวัติตโรคปอด ิโรคปอด อาการหอบก่อน อน ประวัติติ สําลั าลัก ฟังปอดเบา ไม่ มีมลมเข้ ลี มเข้าปอดขณะ ช่วยหายใจ วยหายใจ ้ผูป่ วยเด็ก เจาะเลือดพบภาวะเป็ อดพบภาวะเป็ นกรด นกรด ไม่มีมชีชี พี จรมา นานกว่า 15 นาที หายใจไม่เพี เพียงพอ ยงพอ
Treatment
ให้สารนําหรื า หรือเลือดเพื อดเพือทดแทน อทดแทน เอาสิ เอาสิงแปลกปลอมออกถ้ งแปลกปลอมออกถ้ามองเห็น (ห้ามล้วงโดยไม่เห็ เห็น) น) เปิดทางเดินหายใจ นหายใจ ให้ออกซิเจน เจน ช่วยหายใจ วยหายใจ ด้วยวิธีธใี ดก็ได้ ที ทีทํทาให้ าํ ให้ open airway และ ventilation สําเร็ าเร็จ Respiratory acidosis : open airway และ ventilation ให้ดี
Severe Metabolic acidosis : Sodium bicarbonate ตาม ข้อบ่งชี ง ชี ประวัติติกิกนิ ยาที ยาทีทํทาให้ าํ ให้เสียโพแตสเซี ยโพแตสเซียม ยม เสีย ระหว่างไม่ างไม่มีมชีชี พี จร : KCL 10 mEQ slowly push in 5 min นําปริ มาณมาก (CPR&ECC AHA 2005) ระหว่างที างทีมีมชีีชพี จร : ให้ drip ตามคําแนะนํ าแนะนําปกติ าปกติ ประวัติตโรคไต ิโรคไต การปัสสาวะที สาวะที ผิผดปกติ ดิ ปกติ การรับ Calcium if ECG change or severe hyperkalemia สาร/ยาบางชนิด Beta agonist nebulizer, Insulin, sodium bicarbonate ECG : tall T wave, loss of P -wave, wide for intracellular shift QRS, sinusoidal pattern Kayexalate, diuretics Considered Dialysis ไม่ ้รูรตัตู ัวในที วในทีอุอณหภู ณ ุ หภูมิมตํ ติ ํา ้ผูป่วยบาดเจ็บ ระหว่างการ างการ CPR Internal rewarm ในรายที ในรายทีอุอณหภู ณ ุ หภูมิมตํ ติ าํ ้ผูป่ วยไม่สามารถช่ สามารถช่วยเหลื วยเหลือตั อตัวเองได้ วเองได้ ได้รับ กว่า 30 องศา ยาที ยาทีทํทาให้ ําให้ง่วงซึ วงซึม External rewarm ในรายที ในรายทีอุอณหภู ณ ุ หภูมิมระหว่ ริ ะหว่าง าง 30-33 องศา มีประวั ประวัติตบาดเจ็ บิ าดเจ็บ โรคปอดอุดกั ดกันเรื น เรือรั อ รัง หรือ Needle thorachocenthesis โรคปอดอื โรคปอดอืน ๆ ร่วมกับตรวจร่ บตรวจร่างกายเข้าได้ Tube thoracostomy ประวัติตบาดเจ็ บิ าดเจ็บ มะเร็งทรวงอก วัณโรค ณโรค เจ็บอกทะลุ บอกทะลุหลั หลัง Pericardiocenthesis Beck triad : distant heart sound, neck vein Pericardial windows (In trauma) engorge, hypotension ก่อนที จะไม่ จ ะไม่มีมชี ีพจร ECG เป็เป็ น PEA ultrasound พบ massive pericardial effusion และ มี sign of tamponade
TCA : ECG - R in aVR Organo phosphate : SLUDGE, BBB Beta blocker Digoxin EKG change in regional wall
Sodium bicarbonate Early intubation, Atropine Glucagon, Calcium Digibind Reperfusion therapy
มีความเสี ความเสียง ยง ขาไม่เท่ เท่ากั ากัน หอบก่อน อน arrest Heparin, Fibrinlytic