Home
Add Document
Sign In
Register
นิราศภูเขาทอง
Home
นิราศภูเขาทอง
Full description...
Author:
thawatchai11222512
159 downloads
214 Views
820KB Size
Report
DOWNLOAD .PDF
Recommend Documents
No documents
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทเรียน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ เรื่อง นิราศภูเขาทอง
รับกฐินภิญโญโมทนา
“ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย........”
ก่อนเรียนนักเรียนควรทําความเข้าใจวิธีการใช้งานเมนูต่างๆ วิธีการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชา ตามลําดับขั้นตอน มีความรับผิดชอบ มีความซื่อตรงกับตนเอง เข้าเรียนและทํากิจกรรมตามที่ กําหนดให้ด้วยตนเองให้ครบทุกหน่วย ทุกกิจกรรม หากมีปัญหาในการใช้บทเรียนให้ติดต่อกับ คุณครูผู้สอน การศึกษาบทเรียนบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนักเรียนต้องสมัคร E-mail แล้วลงชื่อเข้า เรียนเพื่อให้ครูทราบว่า นักเรียนได้เข้ามาเรียนแล้ว กิจกรรมก่อนเรียน ลงชื่อเข้าเรียน จุดประสงค์การเรียนรู้ การประประเมินผล กําหนดการเรียน แบบฝึกหัด
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๑ ประวัติผู้แต่ง
พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่)
พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกันทัว่ ไปว่า สุนทรภู่ เป็นกวี ชาวไทยทีม่ ีชื่อเสียง ได้รับยกย่องเป็น มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์ ได้รบั ยกย่อง จากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสาคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม
ประวัติ
ต้นตระกูล บันทึกส่วนใหญ่ระบุถึงต้นตระกูลของสุนทรภู่ว่า บิดาเป็นชาวบ้านกร่ํา อําเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นชาวเมืองอื่น ทั้งนี้เนื่องจากเชื่อถือตามพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระ ยาดํารงราชานุภาพ เรื่อง ชีวิตและงานของสุนทรภู่ ต่อมาในภายหลัง เมื่อมีการค้นพบข้อมูลต่างๆ มากยิ่งขึ้น ก็มีแนวคิดเกี่ยวกับต้นตระกูลของสุนทรภู่แตกต่างกันออกไป นักวิชาการส่วนใหญ่เห็น พ้องกันว่า ฝ่ายบิดาเป็นชาวบ้านกร่ํา เมืองแกลง จริง มีปรากฏเนื้อความอยู่ใน นิราศเมืองแกลง ถึง ตระกูลทางบิดาของสุนทรภู่ แต่ความเห็นเกี่ยวกับตระกูลฝ่ายมารดานี้แตกออกเป็นหลายส่วน ส่วน หนึง่ ว่าไม่ทราบที่มาแน่ชัด ส่วนหนึ่งว่าเป็นชาวฉะเชิงเทรา และส่วนหนึ่งว่าเป็นชาวเมืองเพชร ก.ศ.ร. กุหลาบ เคยเขียนไว้ในหนังสือ สยามประเภท ว่า บิดาของสุนทรภู่เป็นข้าราชการแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ชื่อขุนศรีสังหาร (พลับ) ข้อมูลนี้สอดคล้องกับบทกวีไม่ทราบชื่อผู้ แต่งซึ่ง ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ พบที่อนุสาวรีย์สุนทรภู่ จ.ระยอง ว่าบิดาของสุนทรภู่เป็นชาวบ้าน กร่ํา ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย ทว่าแนวคิดที่ได้รับการยอมรับกัน ค่อนข้างกว้างขวางคือ ตระกูลฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร สืบเนื่องจากเนื้อความใน นิราศเมืองเพชร ฉบับค้นพบเพิ่มเติมโดย อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙
วัยเยาว์ สุนทรภู่ มีชื่อเดิมว่า ภู่ เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค่ํา ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาเช้า ๒ โมง (ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙) ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง ซึ่งเป็นบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบันนี้ เชื่อว่า หลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ําอันเป็น ภูมิลําเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิง จงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับ มารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง สุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อ ฉิมและนิ่ม ในวัยเด็กสุนทรภู่ได้ร่ําเรียนหนังสือกับพระในสํานักวัดชีปะขาว (ซึ่งต่อมาได้รับ พระราชทานนามในรัชกาลที่ ๔ ว่า วัดศรีสุดาราม อยู่ริมคลองบางกอกน้อย) ตามเนื้อความส่วน หนึ่งที่ปรากฏใน นิราศสุพรรณ ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ใน กรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทํางานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม จากสํานวนกลอนของสุนทรภู่ เชื่อว่าผลงานที่มีการประพันธ์ขึ้นก่อนสุนทรภู่อายุได้ ๒๐ ปี (คือ ก่อนนิราศเมืองแกลง) เห็นจะได้แก่กลอนนิทานเรื่อง โคบุตร สุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ชะรอยว่าหล่อนจะเป็นบุตร หลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจําคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรม พระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็น พระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุกก็เดินทางไปหาบิดาที่เมืองแกลง จังหวัดระยอง การ
เดินทางครั้งนี้สุนทรภู่ได้แต่ง นิราศเมืองแกลง พรรณนาสภาพการเดินทางต่างๆ เอาไว้โดยละเอียด และลงท้ายเรื่องว่า แต่งมาให้แก่แม่จัน "เป็นขันหมากมิ่งมิตรพิสมัย" ในนิราศได้บันทึกสมณศักดิ์ ของบิดาของสุนทรภู่ไว้ด้วยว่า เป็น "พระครูธรรมรังษี" เจ้าอาวาสวัดป่ากร่ํา กลับจากเมืองแกลง คราวนี้ สุนทรภู่จึงได้แม่จันเป็นภรรยา กลับจากเมืองแกลงเพียงไม่นาน สุนทรภู่ต้องติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะ มหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่ อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๐ สุนทรภู่ได้แต่ง นิราศพระบาท พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย สุนทรภู่กับแม่จันมีบุตรด้วยกัน ๑ คน ชื่อหนูพัด ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทอง อยู่ ส่วนหนุ่มสาวทั้งสองมีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป
กวีราชสานัก สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๙ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ มูลเหตุในการได้เข้ารับราชการนี้ สันนิษฐานว่า อาจแต่งโคลงกลอนได้เป็นที่พอพระทัย ทราบถึงพระเนตรพระกรรณจึงทรงเรียกเข้ารับ ราชการ แนวคิดหนึ่งว่าสุนทรภู่เป็นผู้แต่งกลอนในบัตรสนเท่ห์ ซึ่งปรากฏชุกชุมอยู่ในเวลานั้น แนวคิดหนึ่งสืบเนื่องจาก "ช่วงเวลาที่หายไป" ของสุนทรภู่ ซึ่งน่าจะใช้วิชากลอนทํามาหา กินเป็นที่รู้จักเลื่องชื่ออยู่ ชะรอยจะเป็นเหตุให้ถูกเรียกเข้ารับราชการก็ได้ เมื่อแรกสุนทรภู่รับราชการเป็นอาลักษณ์มีหน้าที่เข้าเฝ้าเวลาทรงพระอักษรเพื่อคอยรับใช้ แต่มีเหตุให้ได้แสดงฝีมือกลอนของตัว เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอน บทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น ขุนสุนทรโวหาร การต่อกลอนของสุนทรภู่คราวนี้เป็นที่รู้จักทั่วไป ปรากฏรายละเอียดอยู่ในพระนิพนธ์ ชีวิตและ งานของสุนทรภู่ ของสมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ บทกลอนในรามเกียรติ์ที่สุนทรภู่ได้แต่ง ในคราวนั้นคือ ตอนนางสีดาผูกคอตาย และตอนศึกสิบขุนสิบรถ ฉากบรรยายรถศึกของทศกัณฑ์ สุนทรภู่ได้เลื่อนยศเป็น หลวงสุนทรโวหาร ในเวลาต่อมา ได้รับพระราชทานบ้านหลวงอยู่ที่ท่าช้าง ใกล้กับวังท่าพระ และมีตําแหน่งเข้าเฝ้าเป็นประจํา คอยถวายความเห็นเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์และ พระนิพนธ์วรรณคดีเรื่องต่างๆ รวมถึงได้ร่วมในกิจการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมช่วงต้นกรุง รัตนโกสินทร์ โดยเป็นหนึ่งในคณะร่วมแต่ง ขุนช้างขุนแผน ขึ้นใหม่ ระหว่างรับราชการ สุนทรภู่ต้องโทษจําคุกเพราะเมาสุราทําร้ายญาติผู้ใหญ่ แต่จําคุกได้ไม่ นานก็โปรดพระราชทานอภัยโทษ เล่ากันว่าเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรง ติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่องสังข์ทอง ไม่มีใครแต่งได้ถูกพระทัย ภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็น
พระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ เชื่อ ว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง สวัสดิรักษา ในระหว่างเวลานี้ ในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ พ่อตาบ
ออกบวช (ช่วงตกยาก)
กุฏิวัดเทพธิดารามที่สุนทรภู่บวชจําพรรษา เป็นสถานที่ค้นพบวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า มากมายเช่น พระอภัยมณี ฯลฯ ที่ท่านเก็บซ่อนไว้ใต้เพดานหลังคากุฏิของสุนทรภู่ รับราชการอยู่เพียง ๘ ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวช แต่จะได้ลาออกจากราชการก่อนออกบวชหรือไม่ยัง ไม่ปรากฏแน่ชัด แม้จะไม่ปรากฏโดยตรงว่าสุนทรภู่ได้รับพระบรมราชูปถัมภ์จากราชสํานักใหม่ใน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ก็ได้รับพระอุปถัมภ์จากพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นอยู่ เสมอ เช่น ปี พ.ศ. ๒๓๗๒ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรสในเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ปรากฏความอยู่ใน เพลงยาวถวายโอวาท นอกจากนั้นยังได้อยู่ใน พระอุปถัมภ์ของพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ และกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพซึ่งปรากฏเนื้อความในงาน เขียนของสุนทรภู่บางเรื่องว่าสุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณี และ สิงหไตรภพ ถวาย สุนทรภู่บวชอยู่เป็นเวลา ๑๘ ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่างๆ หลายแห่ง เท่าที่พบระบุ ในงานเขียนของท่านได้แก่ วัดเลียบ วัดแจ้ง วัดโพธิ์ วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม งานเขียนบาง ชิ้นสื่อให้ทราบว่า ในบางปี ภิกษุภู่เคยต้องเร่ร่อนไม่มีที่จําพรรษาบ้างเหมือนกัน ผลจากการที่ภิกษุภู่ เดินทางธุดงค์ไปที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่างๆ มากมาย และเชื่อว่าน่าจะยัง มีนิราศที่ค้นไม่พบอีกเป็นจํานวนมาก
งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รําพันพิลาป โดยแต่งขณะจํา พรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. ๒๓๘๕
ช่วงปลายของชีวิต ปี พ.ศ. ๒๓๘๕ ภิกษุภู่จําพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม คืนหนึ่งหลับฝันเห็นเทพยดาจะมารับ ตัวไป เมื่อตื่นขึ้นคิดว่าตนถึงฆาตจะต้องตายแล้ว จึงประพันธ์เรื่อง รําพันพิลาป พรรณนาถึงความ ฝันและเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ประสบมาในชีวิต หลังจากนั้นก็ลาสิกขาบทเพื่อเตรียมตัวจะตาย ขณะนั้นสุนทรภู่มีอายุได้ ๕๖ ปี หลังจากลาสิกขาบท สุนทรภู่ได้รับพระอุปถัมภ์จากเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ รับราชการสนองพระเดชพระคุณทางด้านงานวรรณคดี สุนทรภู่แต่ง เสภา พระราชพงศาวดาร บทเห่กล่อมพระบรรทม และบทละครเรื่อง อภัยนุราช ถวาย รวมถึงยังแต่งเรื่อง พระอภัยมณี ถวายให้กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพด้วย เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๓๙๔ พระบาทสมเด็จพระ นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าฟ้ามงกุฎเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาเจ้าฟ้าน้อยขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนทรภู่จึง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร มีบรรดาศักดิ์เป็น พระสุนทรโวหาร ช่วง ระหว่างเวลานี้สุนทรภู่ได้แต่งนิราศเพิ่มอีก ๒ เรื่อง คือ นิราศพระประธม และ นิราศเมืองเพชร สุนทรภู่พํานักอยู่ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) มีห้อง ส่วนตัวเป็นห้องพักกั้นเฟี้ยมที่เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่" เชื่อว่าสุนทรภู่พํานักอยู่ที่นี่ตราบจน สิ้นชีวิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๘ สิริรวมอายุได้ ๖๙ ปี
ทายาท สุนทรภู่มีบุตรชายสามคน คือพ่อพัด เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน พ่อตาบ เกิดจาก ภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และพ่อนิล เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรม อีกสองคน ชื่อพ่อกลั่น และพ่อชุบ พ่อพัดนี้เป็นลูกรัก ได้ติดสอยห้อยตามสุนทรภู่อยู่เสมอ เมื่อครั้งสุนทรภู่ออกบวช พ่อพัดก็ ออกบวชด้วยเมื่อสุนทรภู่ได้มารับราชการกับเจ้าฟ้าน้อย พ่อพัดก็มาพํานักอยู่ด้วยเช่นกันส่วนพ่อ ตาบนัน้ ปรากฏว่าได้เป็นกวีมีชื่ออยู่พอสมควร เมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น ตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า “ภู่เรือ หงส์”
ผลงาน รายชื่อผลงาน งานประพันธ์ของสุนทรภู่เท่าที่มีการค้นพบในปัจจุบันมีปรากฏอยู่เพียงจํานวนหนึ่ง และ สูญหายไปอีกเป็นจํานวนมาก ถึงกระนั้นตามจํานวนเท่าที่ค้นพบก็ถือว่ามีปริมาณค่อนข้างมาก เรียก
ได้ว่า สุนทรภู่เป็น "นักเลงกลอน" ที่สามารถแต่งกลอนได้รวดเร็วหาตัวจับยาก ผลงานของสุนทรภู่ เท่าที่ค้นพบในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
นิราศ นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. ๒๓๔๙) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง นิราศพระบาท (พ.ศ. ๒๓๕๐) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐม วงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๑) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่ง ไปนมัสการพระ เจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๔) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัด สุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๕) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลาย แทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ ๓) - แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารําพันถึงนางบุษบา ราพันพิลาป (พ.ศ. ๒๓๘๕) - แต่งเมื่อครั้งจําพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรําพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รําพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขาบท นิราศพระประธม (พ.ศ. ๒๓๘๕) - เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการใน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมือง นครชัยศรี นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. ๒๓๘๘) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร
นิทาน โคบุตร : เชื่อว่าเป็นงานประพันธ์ชิ้นแรกของสุนทรภู่[๙] เป็นเรื่องราวของ "โคบุตร" ซึ่งเป็นโอรส ของพระอาทิตย์กับนางอัปสร แต่เติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูของนางราชสีห์ พระอภัยมณี : คาดว่าเริ่มประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ ๒ และแต่งๆ หยุดๆ เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นผลงานชิ้นเอกของสุนทรภู่ ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นสุดยอดวรรณคดีไทย ประเภทกลอนนิทาน พระไชยสุริยา : เป็นนิทานที่สุนทรภู่แต่งด้วยฉันทลักษณ์ประเภทกาพย์หลายชนิด ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ เป็นนิทานสําหรับสอนอ่าน เนื้อหาเรียงลําดับความ
ง่ายไปยาก จากแม่ ก กา แม่กน กง กก กด กบ กม และเกย เชื่อว่าแต่งขึ้นประมาณ พ.ศ. ๒๓๘๓ ๒๓๘๕ ลักษณวงศ์ : เป็นนิทานแนวจักรๆ วงศ์ๆ ที่นําโครงเรื่องมาจากนิทานพื้นบ้าน แต่มีตอนจบที่ แตกต่างไปจากนิทานทั่วไปเพราะไม่ได้จบด้วยความสุข แต่จบด้วยงานสมโภชศพนางทิพเกสร ชายาของลักษณวงศ์ที่สิ้นชีวิตด้วยการสั่งประหารของลักษณวงศ์เอง สิงหไกรภพ : เชื่อว่าเริ่มประพันธ์เมื่อครั้งถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์ ภายหลังจึงแต่งถวายกรม หมื่นอัปสรสุดาเทพ และน่าจะหยุดแต่งหลังจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพสิ้นพระชนม์ สิงหไตรภพ เป็นตัวละครเอกที่แตกต่างจากตัวพระในเรื่องอื่นๆ เนื่องจากเป็นคนรักเดียวใจเดียว
สุภาษิต สวัสดิรักษา : คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์ เพลงยาวถวายโอวาท : คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้า ฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว สุภาษิตสอนหญิง : เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริง หรือไม่
บทละคร มีการประพันธ์ไว้เพียงเรื่องเดียวคือ อภัยนุราช ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ เพื่อถวาย พระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทเสภา ขุนช้างขุนแผน (ตอน กําเนิดพลายงาม) เสภาพระราชพงศาวดาร
บทเห่กล่อมพระบรรทม น่าจะแต่งขึ้นสําหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอใน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี ๔ เรื่องคือ เห่เรื่องพระอภัยมณี เห่เรื่องโคบุตร เห่เรื่องจับระบํา เห่เรื่องกากี
การตีพิมพ์ เผยแพร่ และดัดแปลงผลงาน ในยุคสมัยของสุนทรภู่ การเผยแพร่งานเขียนจะเป็นไปได้โดยการคัดลอกสมุดไทย ซึ่งผู้ คัดลอกจ่ายค่าเรื่องให้แก่ผู้ประพันธ์ ดังที่สมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานุภาพได้สันนิษฐานไว้ว่า สุนทรภู่แต่งเรื่อง พระอภัยมณี ขายเพื่อเลี้ยงชีพ ดังนี้จึงปรากฏงานเขียนของสุนทรภู่ที่เป็นฉบับ คัดลอกปรากฏตามที่ต่างๆ หลายแห่ง จนกระทั่งถึงช่วงวัยชราของสุนทรภู่ การพิมพ์จึงเริ่มเข้ามายัง ประเทศไทย โดยมีสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎทรงให้การสนับสนุน โรงพิมพ์ในยุคแรกเป็นโรงพิมพ์ หลวง ตีพิมพ์หนังสือราชการเท่านั้น ส่วนโรงพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือทั่วไปเริ่มขึ้นในช่วงต้นพุทธ ศตวรรษที่ ๒๕ (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๐๑ เป็นต้นไป) โรงพิมพ์ของหมอสมิทที่บางคอแหลม เป็นผู้นําผลงานของสุนทรภู่ไปตีพิมพ์เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ คือเรื่อง พระอภัยมณี ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูง ขายดีมากจนหมอสมิทสามารถทํา รายได้สูงขนาดสร้างตึกเป็นของตัวเองได้ หลังจากนั้นหมอสมิทและเจ้าของโรงพิมพ์อื่นๆ ก็พากัน หาผลงานเรื่องอื่นของสุนทรภู่มาตีพิมพ์จําหน่ายซ้ําอีกหลายครั้งผลงานของสุนทรภู่ได้ตีพิมพ์ใน สมัยรัชกาลที่ ๕ จนหมดทุกเรื่อง แสดงถึงความนิยมเป็นอย่างมาก สําหรับเสภาเรื่อง พระราช พงศาวดาร กับ เพลงยาวถวายโอวาท ได้ตีพิมพ์เท่าที่จํากันได้ เพราะต้นฉบับสูญหาย จนกระทั่ง ต่อมาได้ต้นฉบับครบบริบูรณ์จึงพิมพ์ใหม่ตลอดเรื่องในสมัยรัชกาลที่ ๖ การแปลผลงานเป็นภาษาอื่น ผลงานของสุนทรภู่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ดังนี้ ภาษาไทยถิ่นเหนือ : พญาพรหมโวหาร กวีเอกของล้านนาแปล พระอภัยมณีคํากลอน เป็น ค่าวซอตามความประสงค์ของเจ้าแม่ทิพเกสร แต่ไม่จบเรื่อง ถึงแค่ตอนที่ศรีสุวรรณอภิเษกกับนาง เกษรา ภาษาเขมร : ผลงานของสุนทรภู่ที่แปลเป็นภาษาเขมรมีสามเรื่องคือ พระอภัยมณี ไม่ปรากฏ ชื่อผู้แปล แปลถึงแค่ตอนที่นางผีเสื้อสมุทรลักพระอภัยมณีไปไว้ในถ้ําเท่านั้น ลักษณวงศ์ แปลโดย ออกญาปัญญาธิบดี (แยม) สุภาษิตสอนหญิง หรือสุภาษิตฉบับสตรี แปลโดย ออกญาสุตตันตปรีชา (อินทร์) ภาษาอังกฤษ : พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงแปลเรื่อง พระอภัยมณี เป็น ภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕
งานดัดแปลง ละคร มีการนํากลอนนิทานเรื่อง สิงหไตรภพ มาดัดแปลงเป็นละครหลายครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น สิงหไกรภพ เป็นละครโทรทัศน์แนวจักร ๆ วงศ์ ๆ และละครเพลงร่วมสมัยโ ดยภัทราวดีเธียเตอร์ นอกจากนี้มีเรื่อง ลักษณวงศ์ และพระอภัยมณี ที่มีการนําเนื้อหาบางส่วนมาดัดแปลง ตอนที่นิยม นํามาดัดแปลงมากที่สุดคือ เรื่องของสุดสาคร ลักษณวงศ์ ยังได้นําไปแสดงเป็นละครนอก โดยศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัด สุพรรณบุรี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ มีกําหนดการแสดงหลายรอบในเดือนพฤศจิกายน
ภาพยนตร์
พ.ศ. ๒๕๐๙ ภาพยนตร์ พระอภัยมณี ฉบับของ ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ นําแสดงโดย มิตร ชัย บัญชา - เพชรา เชาวราษฎร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ภาพยนตร์การ์ตูน "สุดสาคร" ผลงานสร้างของ ปยุต เงากระจ่าง พ.ศ. ๒๕๔๕ ภาพยนตร์ พระอภัยมณี ผลิตโดย ซอฟต์แวร์ ซัพพลายส์ อินเตอร์เนชั่ลแนล กํากับโดย ชลัท ศรีวรรณา จับความตั้งแต่เริ่มเรื่อง ไปจนถึงตอน นางเงือกพาพระอภัยมณีหนีจาก นางผีเสื้อสมุทร และพระอภัยมณีเป่าปี่สังหารนาง พ.ศ. ๒๕๔๙ โมโนฟิล์ม ได้สร้างภาพยนตร์จากเรื่อง พระอภัยมณี เรื่อง สุดสาคร โดยจับ ความตั้งแต่กําเนิดสุดสาคร จนสิ้นสุดที่การเดินทางออกจากเมืองการะเวกเพื่อติดตามหาพระอภัย มณี พ.ศ. ๒๕๔๙ ภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง สิงหไกรภพ ความยาว ๔๐ นาที
เพลง บทประพันธ์จากเรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้นําไปดัดแปลง เป็นเพลงไทยสากล ดังนี้
คามั่นสัญญา ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา แม้เป็นถ้ําอําไพใคร่เป็นหงส์ ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
สุรพล แสงเอก ประพันธ์ทํานอง ปรีชา บุญยเกียรติ บันทึกเสียง ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา เชยผกาโกสุมปทุมทอง จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป...
อีกเพลงหนึ่งคือเพลง "รสตาล" ของครูเอื้อ สุนทรสนาน คําร้องโดยสุรพล โทณะวนิก ซึ่ง ใช้นามปากกาว่า วังสันต์ได้แรงบันดาลใจจากบทกลอนของสุนทรภู่ เรื่อง นิราศพระบาท เนื้อหา ดังนี้
รสตาล เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น ครั้นได้รสสดสาวจากจาวตาล ไหนจะยอมให้เจ้าหล่นลงเจ็บอก อันรสตาลหวานละม้ายคล้ายพุ่มพวง
ครูเอื้อ สุนทรสนาน ขับร้อง สุรพล โทณะวนิก คําร้อง เพราะดั้นด้นอยากลิ้มชิมรสหวาน ย่อมซาบซ่านหวานซึ้งตรึงถึงทรวง เพราะอยากวกขึ้นลิ้นชิมของหวง พี่เจ็บทรวงช้ําอกเหมือนตกตาล...
หนังสือและการ์ตูน งานเขียนของสุนทรภู่โดยเฉพาะกลอนนิทานเรื่อง พระอภัยมณี จะถูกนํามาเรียบเรียงเขียน ใหม่โดยนักเขียนจํานวนมาก เช่น พระอภัยมณีฉบับร้อยแก้ว ของเปรมเสรี หรือหนังสือการ์ตูน อภัย มณีซาก้า อีกเรื่องหนึ่งที่มีการนํามาสร้างใหม่เป็นหนังสือการ์ตูนคือ สิงหไตรภพ ในหนังสือ ศึก อัศจรรย์สิงหไกรภพ ที่เขียนใหม่เป็นการ์ตูนแนวมังงะ
เกียรติคุณและอนุสรณ์ บุคคลสาคัญของโลก (ด้านวรรณกรรม) ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบวันเกิด ๒๐๐ ปีของสุนทรภู่ องค์การยูเนสโกได้ ประกาศให้สุนทรภู่ เป็นบุคคลสําคัญของโลกทางด้านวรรณกรรม นับเป็นชาวไทยคนที่ ๕ และเป็น สามัญชนชาวไทยคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ ในปีนั้น สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยใน พระบรมราชูปถัมภ์จึงได้จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ "อนุสรณ์สุนทรภู่ ๒๐๐ ปี" และมีการจัดตั้ง สถาบันสุนทรภู่ขึ้นเพื่อส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่ชีวิตและผลงานของสุนทรภู่ให้เป็นที่ รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
อนุสาวรีย์และหุ่นปั้น
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ จ.ระยอง
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่ วัดศรีสุดาราม
อนุสาวรีย์สุนทรภู่แห่งแรก สร้างขึ้นที่ ต.กร่ํา อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน บิดาของสุนทรภู่ โดยวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ อันเป็นปีที่ครบรอบ ๑๐๐ ปี การเสียชีวิตของสุนทรภู่ และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ภายในอนุสาวรีย์มีหุ่นปั้นของสุนทรภู่ และตัวละครในวรรณคดีเรื่องเอกของท่านคือ พระอภัยมณี ที่ ด้านหน้าอนุสาวรีย์มี หมุดกวี หมุดที่ ๒๔ ปักอยู่ ยังมีอนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่จังหวัดอื่นๆ อีก ได้แก่ ที่ท่าน้ําหลังวัดพลับพลาชัย ตําบลคลอง กระแชง อําเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดที่สุนทรภู่ได้เคยมาตามนิราศเมืองเพชร อัน เป็นนิราศเรื่องสุดท้ายของท่าน และเชื่อว่าเพชรบุรีเป็นบ้านเกิดของมารดาของท่านด้วย อนุสาวรีย์อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่วัดศรีสุดาราม เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เชื่อว่าท่านได้เล่าเรียน เขียนอ่านเมื่อวัยเยาว์ที่นี่ นอกจากนี้มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งสุนทรภู่ ตลอดจนหุ่นขี้ผึ้งในวรรณคดีเรื่อง พระ อภัยมณี จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จังหวัดนครปฐม
พิพิธภัณฑ์ กุฏิสุนทรภู่ หรือพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ ตั้งอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ถนนมหาไชย กรุงเทพฯ เป็น อาคารซึ่งปรับปรุงจากกุฏิที่สุนทรภู่เคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งจําพรรษาอยู่ที่นี่ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย และมีการจัดกิจกรรมวันสุนทรภู่เป็นประจําทุกปี
วันสุนทรภู่ หลังจากองค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องให้สุนทรภู่เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ระดับโลกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรอง นายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น และกําหนดให้วันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็น วัน สุนทรภู่ นับแต่นั้นทุกๆ ปีเมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรําลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม และที่จังหวัดระยอง (ซึ่งมักจัดพร้อมงานเทศกาลผลไม้จังหวัด ระยอง) รวมถึงการประกวดแต่งกลอน ประกวดคําขวัญ และการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับสุนทรภู่ใน โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๒ ลักษณะคาประพันธ์ในนิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีประเภทนิราศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศเรื่องที่ดีที่สุดของ สุนทรภู่ (พ.ศ. ๒๓๒๙ - ๒๓๙๘) ท่านแต่งนิราศเรื่องนี้จากการเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ที่กรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) เมื่อเดือนสิบเอ็ด ปีชวด (พ.ศ. ๒๓๗๑) ขณะบวช เป็นพระภิกษุ
ลักษณะคาประพันธ์ นิราศภูเขาทองแต่งด้วยกลอนแปด มีความยาวเพียง ๘๙ คํากลอนเท่านั้น แต่มีความไพเราะ และเรียบง่าย ความแบบฉบับของสุนทรภู่ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย บรรยายความรู้สึกขณะเดียวกันก็เล่า ถึงสภาพของเส้นทางที่กําลังเดินทางไปด้วย ท่านมักจะเปรียบเทียบชีวิตและโชคชะตาของตนกับ ธรรมชาติรอบข้างที่ตนได้เดินทางผ่านไป มีหลายบทที่เป็นที่รู้จักและท่องจํากันได้
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๓ การเดินทางในนิราศ สุนทรภู่ล่องเรือในแม่น้ําเจ้าพระยาไปกับลูกชายชื่อหนูพัด ผ่านวัดประโคน บางยี่ขัน ถึงบาง พลัด ผ่านตลาดแก้วตลาดขวัญในเขตจังหวัดนนทบุรี จากนั้นก็ผ่านเกาะเกร็ด ซึ่งเป็นย่านชาวมอญ เข้าสู่จังหวัดปทุมธานี หรือเมืองสามโคก แล้วเข้าเขตอยุธยา จอดเรือที่ท่าวัดพระเมรุ ค้างคืนในเรือ มี โจรแอบจะมาขโมยของในเรือ แต่ไหวตัวทัน รุ่งเช้าเป็นวันพระ ลงจากเรือเดินทางไปที่เจดีย์ภูเขา ทอง ซึ่งเป็นเจดีย์ร้าง เก็บพระบรมธาตุมาไว้ในขวดแก้วตั้งใจจะนําไปนมัสการที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อ ตื่นมาก็ไม่พบพระธาตุ จึงได้เดินทางกลับ
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๔ คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ คุณค่าทางวรรณศิลป์ในกลอนนิราศภูเขาทอง มีการเลือกใช้คําดีเด่นต่างๆ ดังนี้ ๑. สัมผัสสระ คือ คําที่ใช้สระตัวเดียวกัน ๒. สัมผัสอักษร คือ คําที่มีอักษรคล้องจองกัน ๓. การซ้ําเสียง คือ การสัมผัสอักษรอย่างหนึ่ง นับเป็นการเล่นคําที่ทําให้เกิด เสียงไพเราะ การ ซ้ําเสียงจะต้องเลือกคําที่ให้จินตภาพแก่ผู้อ่านอย่างแจ่มชัดด้วย ๔. การใช้กวีโวหาร คือ นิราศภูเขาทองมีภาพพจน์ลักษณะต่างๆ ที่กวีเลือกใช้ ทําให้ผู้อ่านได้ เข้าถึงความคิด ความรู้สึกของกวี ๕. ภาพพจน์อุปมา คือโวหารที่เปรียบเทียบของสองสิ่งว่าเหมือนกัน มักใช้คําว่า เหมือน คล้าย ดุจ ดูราว ราวกับ ๖. ภาพพจน์กล่าวเกินจริง คือ การที่กวีอาจกล่าวมากหรือน้อยกว่าความเป็นจริง เพื่อสื่อให้เกิด ความเข้าใจและมองเห็นภาพในความคิดคํานึงได้ดีขึ้น ๗. การเลียนเสียง คือ กวีทําให้เสียงที่ได้ยินมาบรรยายให้เกิด มโนภาพและความไพเราะน่าฟัง ยิ่งขึ้น ๘. การเล่นคํา คือ การใช้ถ้อยคําคําเดียวในความหมายต่างกันเพื่อให้ การพรรณนาไพเราะน่า อ่าน และมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๕ เนื้อเรื่องและการถอดคาประพันธ์
๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย มาจําไกลอารามเมื่อยามเย็น โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น เหลือรําลึกนึกน่าน้ําตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง จึ่งจําลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาครฯ ๑. ถึงเดือน ๑๑ ซึ่งออกจากการจําพรรษาแล้ว เมื่อรับกฐินอย่างยินดีเสร็จแล้ว ก็ตอ้ งลงเรือไปด้วย ความอาลัย ออกจากวัดก็มองดูวัดที่เคยอาศัย เมื่อวันตรุษ วันสารท ช่วงเวลาเข้าพรรษาได้อาศัยอยู่ มาก็ไม่มีอะไรมากวนใจ จากวัดราชบุรณะพระวิหารนี้คงอีกนานกว่าจะได้มาเห็น นึกแล้วเศร้าใจยิ่ง นักทั้งนี้เป็นเพราะมีคนพาลมารังแกใส่ร้าย คิดจะนําผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือท่านก็ไม่มีความยุติธรรม จึงต้องอําลาวัดไปจนต้องมาอ้างว้างอยู่กลางสายน้ํา ๏ ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ทั้งโรคซ้ํากรรมซัดวิบัติเป็น จะสร้างพรตอตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไปฯ
๒. ถึงหน้าวังก็เศร้าโศกมาก คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยผู้ซึ่งมีพระคุณกับสุนทร ภู่อย่างมาก เมื่อก่อนเคยเข้าเฝ้าท่านอย่างใกล้ชิดและบ่อยครั้ง เมื่อพระองค์สวรรคตก็เหมือนกับ สุนทรภู่ตายไปด้วยเพราะไม่มีญาติหรือคนคอยช่วยเหลือชีวิตจึงยากแค้นแสนเข็ญ อีกทั้งมีโรคภัย ไข้เจ็บมีกรรมเข้ามารุมล้อม ไม่เห็นใครที่จะพึ่งพาได้ จึงได้บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่รัชกาลที่ ๒ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมตลอดเวลา เพื่อเป็นสิ่งทดแทนคุณพระองค์ แม้เกิดชาติใดใดก็ขอให้เป็น ข้ารับใช้พระองค์ตลอดไป ๏ ถึงหน้าแพแลเห็นเรือที่นั่ง คิดถึงครั้งก่อนมาน้ําตาไหล เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอ่านฉลอง จนกฐินสิ้นแม่น้ําแลลําคลอง มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ฯ ๓. เมื่อถึงหน้าแพก็เห็นเรือพระที่นั่ง คิดถึงเมื่อก่อนก็เศร้าจนน้ําตาไหล เคยหมอบกราบรัชกาลที่ ๒ กับพระจมื่นไวย แล้วก็ลงไปในเรือบัลลังก์ทอง เคยแต่งแปลงบทความ เคยรับราชโองการอ่านใน งานฉลอง จนเรือที่มาทอดกฐินหมดแล้วก็ยังมิได้ทําให้พระองค์ขัดใจแต่อย่างใดเคยหมอบกราบ ใกล้จนได้กลิ่นหอมจากพระวรกาย กลิ่นหอมนั้นหอมจนติดจมูก แต่เมื่อพระองค์สวรรคตก็สิ้นกลิ่น หอมไปด้วย อีกทั้งยังเหมือนวาสนาของสุนทรภู่ก็สิ้นตามกลิ่นไปด้วย ๏ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสากล ให้ผ่องพ้นภัยสําราญผ่านบุรินทร์ ๔. มองไปในวังยังเห็นหอที่เก็บพระอัฐิของรัชกาลที่ ๒ ก็ตั้งสติถวายส่วยบุญสวยกุศล ทั้งส่งส่วน กุศลไปให้รัชกาลที่ ๓ ให้พ้นภัยในการปกครองบ้านเมือง ๏ ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน เป็นสําคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้ํา แพประจําจอดรายเขาขายของ มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภาฯ ๕. ถึงวัดประโคนปักก็มองไปไม่เห็นเสาหินที่ลือกัน เป็นเสาที่สําคัญในแผ่นดิน ถึงจะไม่เห็นก็ขอ เดชะพระพุทธคุณช่วย ขอให้อายุยืนหมื่นๆปีเท่าดังเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ตลอดไป พอเรือล่องเลย
วัดก็มองดูริมท่าน้ํา มีแพมาจอดขายของอยู่เรียงราย มีขายทั้งผ้าแพรสีม่วงและสีอื่นๆ ทั้งสิ่งของทีมา จากเมืองจีน ๏ ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ํานรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย ทําบุญบวชกรวดน้ําขอสําเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจําทุกค่ําคืนฯ ๖. ถึงโรงเหล้าก็มีควันออกมาจากเตากลั่นมากมาย มีเครื่องตักน้ําผูกไว้ปลายเสา สุนทรภู่เคยดื่มน้ํา เหล้าจนเมาเหมือนคนบ้า จึงได้บวชเพื่อจะได้พ้นจากอบายมุข ขอให้ได้ตรัสรู้ดังพระพุทธเจ้า แต่ เหล้าเคยทําให้รอดชีวิตดังนั้นจะเมินไปก็เกินไป ถึงจะไม่เมาเหล้าแต่ยังเมารักอยู่ หักห้ามจิตใจ ไม่ให้รักไม่ได้ การเมาเหล้านั้นพอรุ่งขึ้นก็หายไป แต่การเมารักนี้จะเป็นทุกๆคืน ๏ ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน จึงต้องขืนในพรากมาจากเมือง ๗. ถึงบางจากไม่อยากได้ยินคําว่าจาก เพราะสุนทรภู่จากหลายๆอย่างมา ต้องมีใจมัวหมองเพราะรัก นั้นไม่ยืนยาว จึงต้องจากเมืองพรากมา ๏ ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลือง ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน ๘. ถึงบางพลูคิดถึงนางจันเมื่อแต่งงานกัน เคยส่งหมากพลูโดยใส่ซองให้ทั้งหมดเป็นใบเหลืองซึ่ง อร่อยมาก ถึงบางพลัดก็ไม่อยากได้ยินคําว่าพลัดเพราะได้พลัดจากนางจัน ทั้งยังพลัดจากเมืองและ อื่นๆอย่างร้อนรน
๏ ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธิ์ ร่มริโรธรุกขมูลให้พูนผล ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภัยพาลสําราญกายฯ ๙. ถึงบางโพก็คิดถึงต้นโพธิ์ ให้ร่มเงา ให้ความร่มเย็นทั้งยังทําให้โคนต้นไม้งอกงามได้ ขอเดชะของ พระพุทธเจ้า ให้พ้นภัยพาลตลอดไป
๏ ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืนฯ ๑๐. ถึงบ้านญวนเห็นมีโรงแลมากมาย มีคนค้าขายของเช่นกุ้งหรือปลาโดยการขังไว้ในข้อง ข้างหน้าโรงวางที่สําหรับดักปลาวางเรียงไว้ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาจับจ่ายซื้อของ จะมองกลับไป ยังประเทศบ้านเกิดก็ทรมานเหมือนโดนไฟไหม้ จิตใจก็หม่นหมอง ล่องเรือมาจนถึงวัดเขมา ก็รู้ว่า พึ่งเลิกงานฉลองไปเมื่อวานซืน ๏ โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน ดูน้ําวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉันฉวัดเฉวียน บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเปลี่ยนเปลี่ยนคว้างคว้างเป็นหว่างวน ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลาฯ ๑๑. คิดถึงเมื่อก่อนซึ่งรัชกาลที่ ๒ ได้มาตัดหวายลูกนิมิต ได้ชมพระพิมพ์ทั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์ซึ่ง เท่ากับจํานวนพระธรรมที่อยู่ในพระไตรปิฎกที่อยู่ริมผนัง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เห็นการเล่นฉลองเพราะ สุนทรภู่ต้องหมดวาสนาและลําบาก เป็นเพราะบุญน้อยก็นึกเศร้า แต่แล้วเรือก็ติดน้ําวน มองเห็นน้ํา วิ่งเชี่ยวหมุนเป็นเกลียว พุ่งไปมาตัดกัน บางส่วนก็พุ่งวนเหมือนกงเกวียน ดูเวียนๆเป็นเหมือนพายุ วน ทั้งหัวท้ายเรือได้รับแจวเรือดังนั้นเรือจึงหลุดน้ําวนออกมาได้ แต่ถึงเรือจะพ้นน้ําวนมาแล้วแต่ใจ ก็ยังไม่พ้นจากความรัก
๏ ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคง เหมือนกลิ่นผ้าแพรดําร่ํามะเกลือ เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ําระกําแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมือนโศกพี่ที่ระกําก็ซ้ําเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย ๑๒. ถึงตลาดแก้วแต่ไม่เห็นมีตลาดตั้งขายของทั้งสองฝั่งเห็นแต่ต้นไม้พืชพันธุ์ต่างๆ ได้กลิ่น ดอกไม้หอมไปเรื่อยๆตลอดทางและกลิ่นเหมือนผ้าแพรที่ย้อมด้วยมะเกลือ เห็นต้นโศกใหญ่และต้น
ระกําเป็นแผงแต่แปลกที่มีต้นรักขึ้นแซมอยู่ด้วย เหมือนความโศกเศร้าระกําใจที่สุนทรภู่ต้องเป็น เพราะรักแม่จัน ๏ ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ทั้งของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย พวกหญิงชายชุมกันทุกวันคืนฯ ๑๓. ถึงจังหวัดนนทบุรีก็เห็นมีตลาดน้ํา มีแพอยู่ซึ่งขายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม มีทั้งเรือจอดอยู่เพื่อขาย ผลไม้จากสวนแท้ มีทั้งผู้หญิงผู้ชายมาประชุมซื้อของกันทุกวันทุกคืน ๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกาฯ ๑๔. มาถึงหมู่บ้านบางธรณีก็โศกเศร้ามากขึ้นมาก เพราะตอนลําบากพาให้ใจสะอื้นมาก ทั้งที่ แผ่นดินหนาขนาดสองแสนสี่หมื่นโยชน์แต่เมื่อถึงคราวลําบากแม้แต่แผ่นดินก็ไม่มีที่อาศัย เหมือน โดนหนามเสียดแทงเจ็บแสบมาก เหมือนกับนกไม่มีรังที่จะอาศัยต้องเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ๏ ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิดฯ ๑๕. ถึงตําบลปากเกร็ดซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผู้หญิงมอญจะเกล้าผม แต่ สมัยนี้ผู้หญิงมอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ทั้งยังใช้เครื่องสําอาง ใช้แป้งผัดหน้าซึ่งเหมือนกับชาว ไทย ทําให้เห็นได้ว่าสมัยนี้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความเที่ยงแท้ เหมือนดังที่ชาวมอญละทิ้งประเพณี วัฒนธรรมของตนเองแล้วจะนับประสาอะไรกับจิตใจของคน ซึ่งไม่มีใครมีใจเดียวแต่มีหลายใจ ๏ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ ๑๖. ถึงหมู่บ้านบางพูดสุนทรภู่ก็นึกถึงคําว่าพูด ดังว่า ถ้าใครพูดดีก็จะมีคนรัก แต่ถ้าพูดไม่ดีก็อาจจะ เป็นภัยต่อตนเองได้อีกทั้งยังไม่มีใครคบ ไม่มีเพื่อนสนิทมิตรสหาย ทั้งการจะดูว่าใครดีไม่ดีดูได้จาก การพูด ๏ ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน
จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปรารถนา
ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสุกสวัสดิ์จํากัดภัย ๑๗. ถึงหมู่บ้านบ้านใหม่สุนทรภู่ก็คิดอยากจะได้บ้านซักหลังตามที่ต้องการโดยขอกับเทวดาให้สม ดังปรารถนา เพราะ การมีบ้านใหม่จะได้มีความสุขและมีที่อาศัยอย่างปลอดภัย ๏ ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา ๑๘. ถึงหมู่บ้านบางเดื่อก็คิดถึงลูกมะเดื่อที่ภายนอกนั้นดูสวยงามน่ารับประทานแต่ภายในกลับมี แมลงมีหนอนชอนไชอยู่ เหมือนกับคนพาลที่ปากพูดดีแต่ในใจคิดทําอันตราย ๏ ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก สู้เสียศักดิ์สังวาสพระศาสนา เป็นล่วงพ้นรนราคราคา ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดีฯ ๑๙. ถึงบางหลวงเหมือนจากนางจันมานานแล้วเราต้องสละจากยศถาบรรดาศักดิ์เพื่อมาบวชเพื่อจะ ได้พ้นจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง ถึงจะมีนางฟ้ามายั่วก็ไม่สนใจ ๏ ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบํารุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว โอ้เรานี้ที่สุนทรประทานตัว ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย แม้นกําเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมาฯ ๒๐. ถึงสามโคกก็คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่งพระองค์ปกครองเมือง กรุงเทพฯ พระองค์ได้พระราชทานนามเมืองจากสามโคกซึ่งเป็นหัวเมืองชั้นสามเป็นเมืองปทุมธานี เป็นเพราะมีบัวเยอะ ถึงพระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแล้วแต่ชื่อปทุมธานีคงอยู่ตลอดไป แต่ทําไมชื่อ ของสุนทรภู่ชื่อขุนสุนทรโวหารที่ได้รับพระราชทานนามมาแต่กลับไม่มีชื่อในแผ่นดินหลังจาก พระองค์สวรรคตเลยซึ่งต่างกับปทุมธานี สุนทรภู่ต้องเร่ร่อนหาที่อาศัยเพราะขณะนี้ไม่มีบ้าน สุนทรภู่ขอให้เกิดทุกชาติได้เป็นข้ารับใช้พระองค์ตลอดไป พอพระองค์สวรรคตสุนทรภู่ก็ขออยาก ตายตามบ้างเพื่อจะได้รับใช้และพึ่งพระองค์ เดี๋ยวนี้ก็เศร้าโศกใจทุกข์ระทมอย่างทวีคูณมาก ต้อง เร่ร่อนไปเรื่อยๆชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมาย ๏ ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง
ไม่มีฝูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา
ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นึกก็น่ากลัวหนามขามขามใจ งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว ใครทําชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง เราเกิดมาอายุเพียงนี้แล้ว ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง ทุกวันนี้วิปริตผิดทํานอง เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไรฯ ๒๑. ถึงหมู่บ้านบ้านงิ้วก็เห็นมีแต่ต้นงิ้วซึ่งไม่มีนกหรือสัตว์อื่นๆอยู่บนกิ่งเลยเพราะต้นงิ้วมีหนาม ขึ้นอยู่มากมายนึกถึงก็น่ากลัวหนามเพราะถ้าโดนคงเจ็บมาก แต่งิ้วในนรกยาวถึง ๑๖ ข้อนิ้วแหลม เหมือนกับไม้ไผ่เหลาทํากับดัก ซึ่งใครมีชู้เมื่อตายไปแล้วก็ต้องไปปีนต้นงิ้วในนรก แต่สุนทรภู่เกิด มาอายุมากแล้วแต่ยังครองตัวอยู่ในศีลธรรมไม่มีชู้ แต่ทุกวันนี้ผู้คนวิปริตมีชู้กันมากคงต้องไปปีน ต้นงิ้วในนรกกันบ้าง ๏ โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว ถวิลหวังนั่งนึกอนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ระวังทั้งสัตว์น้ําจะทําเข็ญ เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอาฯ ๒๒. ทั้งหมดที่คิดมานั้นสุนทรภู่สามารถตัดขาดได้แต่การตัดความรักนั้นยากยิ่งนัก นั่งนึกอนาถใจ ไปจนเย็นก็ถึงเกาะใหญ่ราชคราม มองไปเห็นบ้านเรือนต่างๆอยู่ห่างจากสองฝั่งมาก ในที่นี้ต้อง ระวังจระเข้จะทําร้าย ทั้งที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของผู้ร้ายซึ่งมาคอยดักตีเรือ สุนทรภู่คิดแล้วน่าเบื่อยิ่งนัก ๏ พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว เป็นเงาง้ําน้ําเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด เรือเราฝืดเฝือมานิจจาเอ๋ย ต้องถ่อค้ําร่ําไปทั้งไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน เรือขย่อนโยกโยนกระโถนหก เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก น้ําค้างตกพร่างพรายพระพายพัด ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอนฯ ๒๓. เมื่อพระอาทิตย์ตกก็มีเมฆมืดครึ้มมาจนดูมืดมัวไปทุกทิศทุกทาง พายเรือถึงทางลัดซึ่งเป็นทาง ตัดกลางนาก็เห็นมีต้นแฝกต้นคาต้นแขมต้นกกขึ้นปะปนกันอยู่มากมาย เงาของต้นพวกนี้ทอดลงน้ํา ทําให้ดูเวิ้งว้างดูกว้างขวางเหลียวมองทีไรก็รู้สึกขวัญหายทุกที มองเห็นเงาของหญิงชายทั้งยังมีเสียง คุยกัน เรือของพวกเขาเพรียวเล็กและมีปลาอยู่บนเรืออีกด้วย พวกเขาถ่อเรือคล่องแคล่วเดินทางไป
อย่างรวดเร็ว แต่เรือของสุนทรภู่ไปช้ามากช่างน่าสงสารลูกศิษย์ที่ต้องถ่อเรืออย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่เคยเส้นทาง บางทีเรือก็เสยเข้าพงหญ้ารกรุงรัง จะถอยหลังก็ถอยยาก เรือก็โคลงจนกระโถนใส่ หมากหก พอเงี่ยหูฟังก็ไม่ได้ยินเสียงสัตว์เลยซักตัว มีแต่น้ําค้างตกเพราะลมพัด มองไปไม่เห็น คลองเลยต้องค้างอยู่กลางทุ่ง แต่พอหยุดเรือหยุดก็มารุมกัดเจ็บเหมือนโดนทรายซัด เลยไม่ได้นอน เพราะต้องนั่งตบยุง ๏ แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กาเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม วังเวงจิตคิดคะนึงรําพึงความ ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส สํารวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด ช่วยนั่งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย เห็นร่องน้ําลําคลองทั้งสองฝ่าย ข้างหน้าท้ายถ่อมาในสาคร จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย โอ้เช่นนี้สีกาได้มาเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบัวผันสันตวา ถึงตัวเราเล่าถ้ายังมีโยมหญิง ไหนจะนิ่งดูดายอายบุปผา คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงตําบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจฯ ๒๔. สุนทรภู่รู้สึกอ้างว้างมาก มองไปในทุ่งกว้างเห็นมีแต่ต้นแขมขึ้นอยู่ปะปนกัน จนดึกก็มีดาวอยู่ กลางท้องฟ้า มีนกกระเรียนบินร่อนและร้องก้องเมื่อตอนเที่ยงคืน มีเสียงกบเขียดร้องเรื่อยๆ มีลม พัดเฉื่อยๆ สุนทรภู่รู้สึกวังเวงก็คิดรําพึงเมื่อตอนมียศถาบรรดาศักดิ์ ได้หัวเราะเฮฮากับเพื่อน มีคน คอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ยามลําบากเห็นแต่หนูพัดลูกชายคอยช่วยนั่งปัดยุงให้จนพระจันทร์ขึ้นก็เห็น ต้นกระจับจอก มีดอกบัวเผื่อนขึ้นมากเมื่อคืนเดือนหงาย มองเห็นคลองทั้งสองด้านหัวท้ายเรือก็รีบ ถ่อเรือลงคลอง จนพระอาทิตย์ขึ้นก็เห็นพันธุ์ผักดูน่ารักส่งเกสรแก่กัน มีบัวเผื่อนอยู่สองข้างทางที่ เรือพายไป มีต้นก้ามกุ้งขึ้นอยู่กับสาหร่ายใต้น้ํา มีต้นสายติ่งขึ้นสลับกับต้นตับเต่าเป็นกลุ่มๆมองไป เหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เหล่านี้ถ้าผู้หญิงได้มาเห็นก็คงจะลงเล่นกลางทุ่ง ที่มีเรือก็คงจะพายไปเก็บ
สายบัว ถ้าสุนทรภู่มีโยมผู้หญิงก็คงไม่นิ่งเฉยให้อายดอกไม้ คงจะใช้ให้ศิษย์ไปเก็บของฝากเท่าที่ทํา ได้ในตอนนี้ แต่นี่จนใจไม่มีเงินซักนิด ทั้งยังขี้เกียจเก็บจึงเลยมา พอมีแสงอ่อนๆของพระอาทิตย์ก็ ถึงกรุงศรีอยุธยา สุนทรภู่รู้สึกเศร้าใจ ๏ มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง คิดถึงครั้งก่อนมาน้ําตาไหล จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย ก็จะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัปประมาณฯ ๒๕. เมื่อถึงหน้าจวนของเพื่อนของสุนทรภู่ สุนทรภู่ก็คิดถึงเมื่อก่อนจนน้ําตาไหล สุนทรภู่ตั้งใจจะ แวะหาถ้ายังเหมือนเมื่อก่อนก็คงจะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน แต่ถ้าหากว่าท่านแปลกไปก็คงจะโดน หัวเราะเยาะจะต้องอายมาก รู้สึกไม่กล้าใฝ่สูงเป็นเพื่อนได้ จึงได้เดินทางต่อไปยังเจดีย์ภูเขาทอง
๏ มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน บ้างขึ้นล่องร้องลําเล่นสําราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสําเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู อ้ายลําหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอนฯ ๒๖. จอดเรือที่ข้างวัดพระเมรุซึ่งริมวัดมีเรือจอดเรียงอยู่ บางลํามีคนร้องเล่นเต้นสําราญ บางลําก็ ร้องเพลงเกี้ยวกัน บางลําฉลองผ้าป่าด้วยการขับเสภา ทั้งยังมีคนตีระนาดซึ่งตีเก่งเหมือนนายเส็ง (คนเก่งระนาดสมัยสุนทรภู่) มีโคมแขวนอยู่เรียงรายเหมือนอยู่สามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งในพระศาสนา ก็ไม่ได้ดู มีเรือลําหนึ่งกลอนมันมาก ร้องกลอนยากลากเลื้อยฟังแล้วเหนื่อยหู กลอนลดเลี้ยวเหมือน ทางงู จนลูกคู่บอกว่าง่วงนอน ๏ ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด ประมาณสามยามคล้ําในอัมพร นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง
จนสงัดเงียบหลับลงกับหมอน อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ มันดําล่องน้ําไปช่างไวเหลือ เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเคอะดูเซอะซะ ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ
ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปองฯ ๒๗.ได้ฟังการละเล่นต่างๆที่ข้างวัดพอดึกก็นอน ประมาณสามยามก็มีโจรขึ้นเรือ พอมีเสียงกุกกัก สุนทรภู่ก็ลุกขึ้นโวยวาย โจรก็รีบดําน้ําไปอย่างว่องไว มองไปไม่เห็นหน้าลูกศิษย์ก็รู้สึกทําอะไรไม่ ถูกด้วยความกลัวแต่หนูพัดจุดเทียนส่องดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง แต่ไม่มีเลยแม้แต่เครื่องอัฐบริขาร ทั้งนี้ด้วยเดชะตบะบุญและพระพุทธ ทําให้ชนะมารได้
๏ ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคงลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกําแพงกั้น ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม บันไดมีสี่ด้านสําราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม ประทักษิณจินตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบคํานับอภิวันท์ มีห้องถ้ําสําหรับจุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหัน เป็นลมทักขิณาวัฏน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก ทั้งองค์ฐานราญร้าวถึงเก้าแสก เผลอแยกยอดสุดก็หลุดหัก โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ําตากระเด็น กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้นฯ ๒๘. วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันพระซึ่งจะได้บูชาพระธรรม ได้ไปเจดีย์ภูเขาทองซึ่งดูสูงเสียดฟ้า อยู่กลาง ทุ่งดูโดดเด่นมีน้ําใสอยู่รอบๆที่ฐานพื้นที่เป็นรูปกลีบบัวถัดจากบันไดมีน้ําไหลล้อมรอบเป็นขอบ มี เจดีย์มีวิหารมีลานวัด มีกําแพงกั้นอยู่ การย่อเหลี่ยมไม้ ๑๒ มุมอย่างสวยงาม มีเป็นสามชั้นอย่าง งดงาม บันไดมี ๔ ด้าน คณะของสุนทรภู่ชวนกันขึ้นไปชั้น ๓ ตั้งใจเดินวนขวา ๓ รอบจนครบก็ กราบเจดีย์ มีห้องที่เป็นถ้ําสําหรับจุดเทียนเพราะลมจะพัดแรงพาธูปเทียนดับ ตอนนั้นบังเกิดสิ่ง อัศจรรย์มีลมพัดเวียนขวาราวกับจะเวียนเทียนด้วย ทุกวันนี้พระเจดีย์เก่าและทรุดโทรมมาก ที่ฐาน
ร้าวถึงเก้าแฉก ที่ยอดก็หัก องค์พระเจดีย์ก็ทรุด เป็นเพราะเจดีย์ไม่มีคนคอยดูแล นึกแล้วเสียดายจน น่าร้องไห้ แล้ววจะเทียบอะไรกับชื่อเสียงเกียรติยศของมนุษย์ ก็คงหมดไปในไม่นาน เหมือนกับ เป็นผู้ดีแล้วลําบาก เป็นคนมั่งมีแล้วยากจน คิดแล้วทุกอย่างไม่แท้เที่ยง
๏ ขอเดชะพระเจดีย์คีรีมาศ บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์ ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวันท์ เป็นอนันต์อานิสงส์ดํารงกาย จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดาน อีกสองสิ่งหญิงร้ายแลชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ตราบนิพพานภาคหน้าให้ถาวรฯ ๒๙. ขอเดชะแห่งเจดีย์ภูเขาทองซึ่งบรรจุพระบรมสาริกธาตุ สุนทรภู่ขอให้ที่ได้มากราบในครั้งนี้ให้ เป็นบุญเพื่อเป็นอานิสงส์ให้พ้นภัยต่างๆ ถ้าจะเกิดชาติไหนๆก็ขอให้ตนบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ ทั้ง ความทุกข์ความโศกอย่าได้มาใกล้ สบายไปตลอดกาล ทั้งความโลภ โกรธ หลง ขอให้ตนชนะได้ ขอให้มีสติปัญญาหลักแหลม ให้มีศีลธรรมอยู่ในใจ ทั้งผู้หญิงร้ายและผู้ชายชั่วก็ขอให้อย่าได้รู้จัก คบหากัน ขอให้สมดังหวังแม้แต่ชาติหน้าก็ขอให้เป็นดังหวัง ๏ พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ สมถวิลยินดีชุลีกร กับหนูพัดมัสการสําเร็จแล้ว มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก
พบพระธาตุสถิตในเกสร ประคองซ้อนเชิญองค์ลงนาวา ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ ใจจะขาดคิดมาน้ําตาไหล เสียน้ําใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน กําเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน
พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ ให้ล่องวันหนึ่งมาถึงธานีฯ ๓๐. พอก้มลงกราบพระพุทธรูปเงยขึ้นมาก็เห็นดอกบัวและก็เห็นพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในเกสรก็ดี ใจมากและช้อนประคองลงเรือ พอหนูพัดกราบไว้เสร็จแล้วก็ใส่พระบรมสารีริกธาตุไว้ในขวดแก้ว แล้วก็วางไว้ใกล้ศีรษะเมื่อนอน ตั้งใจว่าจะไปนอนที่กรุงศรีอยุธยาและรุ่งเช้าจะบูชาพระบรม สารีริกธาตุแต่พอตื่นมามองไม่เห็นพระบรมสารีริกธาตุก็ตกใจอย่างมากทั้งที่วางไว้ใกล้ศีรษะ สุนทรภู่ว่าเป็นเพราะบุญตนน้อยทําให้พระธาตุลอยน้ําไปไกล สุนทรภู่คิดว่าไม่สามารถอยู่ที่เจดีย์ ภูเขาทองต่อได้เพราะจะยิ่งเศร้าโศกและร้อนใจยิ่งขึ้น พอเช้าตรู่พระอาทิตย์ขึ้นส่องฉาย ก็ล่องเรือถึง กรุงเทพฯโดยใช้เวลาเดินทาง ๑ วัน ๏ ประทับท่าหน้าอรุณอารามหลวง ค่อยสร่างทรวงทรงศีลพระชินสีห์ นิราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนา ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา เป็นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย ซึ่งครวญคร่ําทําทีพิรี้พิไร ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา เหมือนแม่ครัวคั่วแกงแพนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยน่าเสียสักหน่อยอร่อยใจฯ ๓๑. ถึงหน้าวัดอรุณก็ค่อยสร่างจากความเศร้าเพราะได้กราบพระพุทธรูป นิราศภูเขาทองของสุนทร ภู่เรื่องนี้ไว้เป็นที่อ่านเมื่อเศร้าจะได้มีความสุข เพราะได้ไปกราบไว้พระพุทธรูป ทั้งกราบไว้พระ บรมสารีริกธาตุ เพราะคนที่นับถือศาสนาพุทธเมื่อไม่สบายใจก็จะกราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อให้ สบายใจ ตอนนี้สุนทรภู่ใช่ว่าจะมีคนรักหรือพึ่งจะจากรักมา แต่ที่กล่าวถึงผู้หญิงก็เพราะเป็นธรรม เนียมการแต่งนิราศแต่โบราณ เหมือนแม่ครัวจะปรุงอาหารประเภทพะแนงนอกจากจะใส่ เครื่องปรุงและเนื้อสัตว์แล้วยังต้องใส่พริกไทยใบผักชีเพื่อเพิ่มความน่ารับประทานแก่อาหาร และ ผู้หญิงก็เหมือนพริกไทยใบผักชีเพื่อนให้นิราศนี้น่าอ่าน ขอให้ทราบความจริงทุกๆอย่างว่าสุนทรภู่ ไม่ได้มีผู้หญิงเลยขออย่าได้นินทาให้เสียหาย เพราะคนที่มีความสามรถในเชิงกลอนจะนั่งๆนอนๆ เฉยๆก็จะน่าเบื่อและเศร้าใจ จึงจะต้องแต่งกลอนเพื่อคลายเหงาและคลายความเศร้าใจ และให้ได้ผล งานเป็นที่ประจักษ์ ๏ จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ
อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน จึงร่ําไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอยฯ .............................................
กิจกรรมการเรียน หน่วยที่ ๖ อธิบายคาศัพท์และข้อความ ก้ามกุ้ง เกรียด ขวาก
ชื่อพันธุ์ไม้ขนาดย่อมชนิดหนึ่ง เกิดชายน้ํา มีรสขม เสียดเขียดร้อง ไม้หรือเหล็กปลายแหลมใช้เป็นเครื่องกีดขวาง
อ้างอิง เปลื้อง ณ นคร. สุนทรภู่ครูกวี. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ข้าวฟ่าง. มิถุนายน ๒๕๔๒ ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ. เที่ยวไปกับสุนทรภู่. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ดอกหญ้า. มีนาคม ๒๕๔๐. ล้อม เพ็งแก้ว. โคตรญาติสุนทรภู่ จาก นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับพิเศษ มีนาคม ๒๕๒๙. พิมพ์ รวมเล่มใน สุนทรภู่ - อาลักษณ์เจ้าจักรวาล โดยสํานักพิมพ์มติชน พ.ศ. ๒๕๔๗ สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, อนุสรณ์สุนทรภู่ ๒๐๐ ปี, กรุงเทพฯ: ๒๕๒๙ สุนทรภู่. นิราศภูเขาทอง. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร ผะอบ โปษะกฤษณะ, อนุสรณ์สุนทรภู่ ๒๐๐ ปี คํานํา. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. ๒๕๒๙
การประเมินผล ประเมินจากแบบฝึกหัด ประเมินจากแบบทดสอบ
แบบฝึกหัดที่ ๑ เรื่อง นิราศภูเขาทอง ให้นักเรียนเติมคาหรือข้อความลงในช่องว่างต่อไปนี้ ๑. สุนทรภู่เกิดในสมัย........................................................................................................................ ๒. สุนทรภู่มีชีวิตเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัย........................................................................................ ๓. สุนทรภู่มีชีวิตตกอับในสมัย.......................................................................................................... ๔. สุนทรภู่เสียชีวิตในสมัย................................................................................................................. ๕. สุนทรภู่ได้รับตําแหน่งขุนสุนทรโวหารในสมัย............................................................................ ๖. สุนทรภู่ได้รับตําแหน่งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคือ.............................................................................. ๗. ผลงานที่สร้างชื่อเสียงและทําให้ผู้คนรู้จักสุนทรภู่คือเรื่อง............................................................. ๘. สุนทรภู่แต่งเรื่องนิราศภูเขาทองขณะมีอายุ.................................................................................... ๙. นิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่คือ....................................................................................................... ๑๐. นิราศของสุนทรภู่ที่ได้รับให้เป็นยอดของกลอนนิราศคือนิราศ................................................... ๑๑. สุนทรภู่แต่งเรื่องขุนช้างขุนแผนตอน........................................................................................... ๑๒. นิราศภูเขาทองมีลักษณะการแต่งคือ........................................................................................... มีลักษณะ..................................................................................................................................... ๑๓. นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศที่สุนทรภู่แต่งขึ้นในสมัย.................................................................... ๑๔. ภูเขาทองที่สุนทรภู่เดินทางไปนมัสการอยู่ในจังหวัด.................................................................. ๑๕. สิ่งที่สุนทรภู่ต้องการนมัสการที่เจดีย์ภูเขาทอง คือ.....................................................................
ตั้งใจทานะจ๊ะเด็กๆๆ
เฉลยแบบฝึกหัดที่ ๑ เรื่อง นิราศภูเขาทอง ให้นักเรียนเติมคาหรือข้อความลงในช่องว่างต่อไปนี้ ๑. สุนทรภู่เกิดในสมัย รัชกาลที่ ๑ ๒. สุนทรภู่มีชีวิตเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัย รัชกาลที่ ๒ ๓. สุนทรภู่มีชีวิตตกอับในสมัย รัชกาลที่ ๓ ๔. สุนทรภู่เสียชีวิตในสมัย รัชกาลที่ ๔ ๕. สุนทรภู่ได้รับตําแหน่งขุนสุนทรโวหารในสมัย รัชกาลที่ ๒ ๖. สุนทรภู่ได้รับตําแหน่งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคือ พระสุนทรโวหาร ๗. ผลงานที่สร้างชื่อเสียงและทําให้ผู้คนรู้จักสุนทรภู่คือเรื่อง พระอภัยมณี ๘. สุนทรภู่แต่งเรื่องนิราศภูเขาทองขณะมีอายุ ๔๒ ปี ๙. นิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่คือ นิราศเมืองแกลง ๑๐. นิราศของสุนทรภู่ที่ได้รับให้เป็นยอดของกลอนนิราศคือนิราศ นิราศอิเหนา ๑๑. สุนทรภู่แต่งเรื่องขุนช้างขุนแผนตอน กาเนิดพลายงาม ๑๒. นิราศภูเขาทองมีลักษณะการแต่งคือ กลอนนิราศ มีลักษณะ เหมือนกลอนสุภาพ ขึ้นต้นด้วยวรรครับ และลงท้ายด้วยคาว่า “เอย” ๑๓. นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศที่สุนทรภู่แต่งขึ้นในสมัย รัชกาลที่ ๓ ๑๔. ภูเขาทองที่สุนทรภู่เดินทางไปนมัสการอยู่ในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา หรือ กรุงเก่า ๑๕. สิ่งที่สุนทรภู่ต้องการนมัสการที่เจดีย์ภูเขาทอง คือ พระบรมสารีริกธาตุ
ตั้งใจทานะจ๊ะเด็กๆๆ
แบบฝึกหัดที่ ๒ เรื่องนิราศภูเขาทอง ค าชี้แจง ให้ นัก เรีย นเลือ กชื่ อสถานที่ซึ่ง อยู่ ใ นเส้นทางการเดินทางในนิร าศภูเขาทองจากคํา ที่ กําหนดให้ ไปใส่ตามจุดให้ถูกต้องตามลําดับก่อนหลัง
บ้านงิ้ว วัดประโคนปัก บ้านญวน บางจาก สามโคก บางเดื่อ วัดราชบูรณะ ตลาดแก้ว บางพูด วัดพระเมรุ บ้านมอญ โรงเหล้า บางธรณี บ้านใหม่ ภูเขาทอง
๑. .....................................๒. .................................... ๓. ......................................๔. .................................... ๕. .....................................๖. ...................................... ๗. .....................................๘. ..................................... ๙. .....................................๑๐. ..................................... ๑๑. ...................................๑๒. .................................... ๑๓. .................................๑๔. ................................... ๑๕. ................................ ตั้งใจทานะจ๊ะเด็กๆ
เฉลยแบบฝึกหัดที่ ๒ เรื่องนิราศภูเขาทอง ค าชี้แจง ให้ นัก เรีย นเลือ กชื่ อสถานที่ซึ่ง อยู่ ใ นเส้นทางการเดินทางในนิร าศภูเขาทองจากคํา ที่ กําหนดให้ ไปใส่ตามจุดให้ถูกต้องตามลําดับก่อนหลัง
บ้านงิ้ว วัดประโคนปัก บ้านญวน บางจาก สามโคก บางเดื่อ วัดราชบูรณะ ตลาดแก้ว บางพูด วัดพระเมรุ บ้านมอญ โรงเหล้า บางธรณี บ้านใหม่ ภูเขาทอง
๑. วัดราชบูรณะ ๓. โรงเหล้า ๕. บ้านญวน ๗. บางธรณี ๙. บางพูด ๑๑. บางเดื่อ ๑๓. บ้านงิ้ว ๑๕. ภูเขาทอง
๒. วัดประโคนปัก ๔. บางจาก ๖. ตลาดแก้ว ๘. บ้านมอญ ๑๐. บ้านใหม่ ๑๒. สามโคก ๑๔. วัดพระเมรุ
ตั้งใจทานะจ๊ะเด็กๆ
แบบทดสอบ นิราศภูเขาทอง คาสั่ง ให้นกั เรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว ๑. คําว่า “นิราศ” มีความหมายตรงกับข้อใด ก. การพลัดพราก ข. การท่องเที่ยว ค. การพรรณนาถึงการจากกันของคนรัก ง. การพรรณนาถึงการจากกัน หรือจากที่อยู่ไป ในที่ต่างๆ ๒. กลอนนิราศนิยมขึ้นต้นและลงท้ายอย่างไร ก. วรรคสดับ-เอ่ย ข. วรรครับ-เอย ค. วรรครอง-เอ๋ย ง. วรรคส่ง-เทอญ ๓. ภูเขาทองในนิราศภูเขาทอง ตั้งอยู่ที่ใด ก. กรุงเทพฯ ข. อ่างทอง ค. สุพรรณบุรี ง. พระนครศรีอยุธยา ๔. การเดินทางในนิราศภูเขาทองมีใครร่วมเดินทางไปกับสุนทรภู่ ก. นายพุ่ม ข. นายน้อย ค. หนูพัด ง. นายแสง ๕. สุนทรภู่เดินทางไปวัดภูเขาทองด้วยวัตถุประสงค์ใด ก. ต้องการเดินทางไปอยุธยาสักครั้งหนึ่ง ข. ต้องการเดินทางไปอยุธยาเพื่ออาศัยกับเจ้าเมืองอยุธยาเพื่อนเก่า ค. ต้องการไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ง. ต้องการไปเยี่ยมชมเจดีย์ภูเขาทอง ๖. “ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร” คําที่ขีดเส้นใต้หมายถึงใคร ก. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ข. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ค. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ง. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๗. ข้อใดสุนทรภู่สอนให้ระมัดระวังเรื่องศีล ๕ ก. แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัประมาณ ข. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว ใครทําชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง
ค. จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ ง. ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ําตากระเด็น ๘. ข้อใดกวีกล่าวเกินจริง ก. พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว ข. เป็นเงาง้ําน้ําเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย ค. ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา ง. ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง ๙. “เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ําระกําแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมือนโศกพี่ที่ระกําก็ซา้ํ เจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย” สุนทรภู่มีวิธีการใดในการแต่งคําประพันธ์ ก. ใช้การเล่นคํา ข. ใช้การเล่นเสียง ค. ใช้การกล่าวเกินจริง ง. ใช้การเปรียบเทียบ ๑๐. “ จึงสร้างพรตอตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงบาททุกชาติไป” จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นว่าสุนทรภู่เป็นคนอย่างไร ก. มีความกตัญํูรู้คุณ ข. รู้จักพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ค. รู้จักการวางแผนที่ดี ง. รู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนมี ๑๑. นิราศภูเขาทองแต่งขึ้นในสมัยใด ก. รัชกาลที่ ๑ ข. รัชกาลที่ ๒ ค. รัชกาลที่ ๓ ง. รัชกาลที่ ๔ ๑๒. ในการเดินทางไปวัดภูเขาทองสุนทรภู่เดินทางกลับไปขึ้นฝั่งที่ไหน ก. วัดราชบูรณะ ข. วัดพระเชตุพนฯ ค. ท่าเรือริมพระบรมมหาราชวัง ง. วัดอรุณราชวราราม ๑๓. ข้อใดบรรยายให้เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด ก. กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน ข. เรือขย้อนโยกโยนกระโถนหก ค. เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก ง. น้ําค้างตกพร่างพรายพระพายพัด ๑๔. ข้อใดมีสัมผัสพยัญชนะมากที่สุด
ก. ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย ค. เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน ๑๕. ข้อใดมีสัมผัสสระมากที่สุด ก. ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง ค. เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน ๑๖. ข้อใดมีสัมผัสระหว่างวรรคต่างจากข้ออื่น ก. ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ ข. ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย ค. มาถึงบางธรณีทวีโศก ง. โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น
ข. พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม ง. ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส ข. มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน ง. จําต้องขืนใจพรากมาจากเมือง มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร
๑๗. “ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา” คํากลอนบทนี้ตรงกับสํานวนตามข้อใด ก. หน้าเลือด ข. หน้าชื่นอกตรม ค. หน้าเนื้อใจเสือ ง. หน้าไหว้หลังหลอก ๑๘. จากคํากลอนในข้อ ๑๐ สอนในเรื่องใด ก. การคบคน ข. การวางตัว ค. การปฏิบัติตน ง. ธรรมชาติศึกษา ๑๙. “ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา” คํากลอนบทนี้ตรงกับสํานวนตามข้อใด ก. น้ําไหลไฟดับ ข. พูดดีเป็นศรีแก่ปาก ค. พูดคล่องเหมือนร่องน้ํา ง. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง ๒๐. ข้อใดกล่าวถึงเพลงพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ก. บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง ข. มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู ค. ไอ้ลําหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเมื่อยหู ง. ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน ๒๑. สุนทรภู่ไปเห็นสิ่งใดจึงมาสรุปว่า “ กระนั้นหรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทัน ตาเห็น” ก. ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
ข. ที่พื้นลานฐานปัทม์ถัดบันได คงคาไหลล้อมรอบเป็นขอบคัน ค. มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกําแพงกั้น ง. ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม ๒๒. ข้อใดกล่าวถึงพืชน้ําหลายชนิดกว่าข้ออื่น ก. เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ข. ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา ค. สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า ง. กระจับจอกดอกบัวบานผกา ๒๓. ข้อใดสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมในการแต่งกายของคนไทยสมัยก่อน ก. ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย ข. ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย ค. ไอ้ลําหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก ง. ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภา ๒๔. ข้อใดแสดงสัจธรรมของชีวิตได้ดีที่สุด ก. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว ใครทําชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง ข. ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน เป็นสําคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา ค. ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน จําต้องฝืนใจพรากมาจาเมือง ง. โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ําตากระเด็น กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น ๒๕. “ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ” สิ่งของในข้อใดไม่ใช่ เครื่องอัฏฐะ ก. สบง จีวร ข. สังฆาฏิ ประคดเอว ค. มุ้ง ผ้าห่มนอน ง. บาตร กระบอกกรองน้ํา
ให้นักเรียนพิจารณาคําศัพท์และความหมายของคําต่อไปนี้ แล้วนําตัวอักษรหน้าข้อความทาง ขวามือมาใส่หน้าคําศัพท์ทางซ้ายมือให้ถูกต้อง ................๑. ก้ามกุ้ง ก. พระมหากษัตริย์ ................๒. สํารวล ข. โคลง ................๓. ชลมารค ค. เพลงพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ................๔. ประดาษ ฅ. แผ่นดิน ................๕. พจนารถ ฆ. พันธุ์ไม้ขนาดย่อม เกิดชายน้ํา รสขม ................๖. วิบัติ ง. การเดินเวียนตามเข็มนาฬิกา ................๗. ตีเรือ จ. ทางน้ํา ................๘. อัประมาณ ฉ. ไม้น้ําชนิดหนึ่ง ใบกลม ดอกสีม่วงอ่อน ................๙. ประยูรวงศ์ ช. ชิงของในเรือ ................๑๐. สถูป ซ. เนื้อความของคําพูด ................๑๑. ครึ่งทอน ฌ. ต่ําช้า สิ้นวาสนา ................๑๒. อานิสงส์ ญ. พลอยยินดี ................๑๓. อธิบดี ฎ. เผ่าพันธุ์ เชื้อสาย ตระกูล ................๑๔. พระธาตุ ฏ. ฝน ................๑๕. อภิวันท์ ฐ. ผลแห่งกุศล ................๑๖. ประทักษิณ ฑ. อาย ................๑๗. ขย้อน ฒ. สิ่งก่อสร้างสําหรับบรรจุของควรบูชามี ................๑๘. พสุธา กระดูกของบุคคลที่นับถือ ................๑๙. ขามใจ ณ. กระดูกของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ ................๒๐. รุกขมูล ด. ความหายนะ ต. คร้าม เกรง ถ. หัวเราะ รื่นเริง ท. โลก ธ. ไหว้ น. ผู้เป็นใหญ่ บ. โคนต้นไม้ ป. ตระกูลบัว
×
Report "นิราศภูเขาทอง"
Your name
Email
Reason
-Select Reason-
Pornographic
Defamatory
Illegal/Unlawful
Spam
Other Terms Of Service Violation
File a copyright complaint
Description
×
Sign In
Email
Password
Remember me
Forgot password?
Sign In
Our partners will collect data and use cookies for ad personalization and measurement.
Learn how we and our ad partner Google, collect and use data
.
Agree & close