พระราชกฤษฏีการว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 โดย von (ชะแล้ว)(
[email protected]) ก่อนท่านจะ ทําแบบทดสอบ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546ขอทําความ เข้าใจก่อนครับ ว่า คําว่า พรก. และ กพร. บางท่านยังไม่เข้าใจ พูดปนกันนะครับ ผมจะพูดตาม หลักตํารา วิชา การจัดการ ภาครัฐนะ ครับ สาระสําคัญของเนื้อหาที่นําเสนอประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1. แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย(พ.ศ. 2546 - 2550) 2. หลักการตามมาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545 3. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 เอาย่อ ๆนะครับ เพราะยังไม่เกี่ยวกับแนวข้อสอบ ในช่วงประเทศไทยเราในบริบทของความเปลี่ยนแปลงในการบริหารราชการใหม่ ๆ ที่มีการผสมผสานแนวคิดทั้งจากการ บริหารธุรกิจของเอกชน และการบริหารงานภาครัฐกิจ มีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยน กระบวนทัศน์ และวิธีการทํางานของข้าราชการในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติราชการดังกล่าวปรากฏ ว่ายังมีการนําหลักการดังกล่าวไปปรับปรุงระบบและวิธีปฏิบัติงานในส่วนราชการไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งจะมีผลต่อการบริหารบุคคล ภาครัฐและการปรับปรุงโครงสร้างภาครัฐ และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานในองค์กรต่าง ๆ ของราชการไทย ฯลฯ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จึงได้กําหนดยุทธศาสตร์ เพื่อการพัฒนาระบบราชการไทยขึ้น โดยกําหนด เรียกว่า แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย(พ.ศ. 2546 - 2550) คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ กําหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย พ.ศ. 2546 - 2550 ขึ้น โดยได้มีการกําหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาระบบ ราชการในช่วงระยะปี พ.ศ. 2546 - 2550 ว่า “พัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศ สามารถรองรับกับการพัฒนา ประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและประโยชน์สุขของประชาชน” โดยกําหนดเป้าประสงค์ ยุทธศาสตร์การดําเนินงาน และแนวทางการนํายุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ไว้ดังนี้ เป้าประสงค์หลักของการพัฒนาระบบราชการไทย 4 ประการ - พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น - ปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดให้มีความเหมาะสม - ยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทํางานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่าเกณฑ์สากล - ตอบสนองต่อการบริหารปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย มี 7 ประการ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทํางาน ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การรื้อปรับระบบการเงินและการงบประมาณ ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม ยุทธศาสตร์ที่ 6 : การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย ยุทธศาสตร์ที่ 7 : การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การจะนํายุทธศาสตร์ทั้ง 7 ไปสู่การปฏิบัติตามแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ต้องมี เครื่องมือต่าง ๆที่จะนํายุทธศาสตร์ ทั้ง 7 ข้อนี้ ไปปฏิบัติ จึงต้องตราเป็นพระราชกฤษฏีกา (พรก. ) ขึ้น โดยอํานาจตามความในมาตรา 221 ของ รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย ประกอบกับหลักการตามมาตรา 3/1 และ มาตรา 71/10 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2545 จึงเกิด พระราช กฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ขึ้นนี่ละครับ ฉะนั้นคงเข้าใจ คําว่า กพร. และ พรก.แล้วนะครับ 2. หลักการตามมาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545 พระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545 จัดเป็นกฎหมายแม่บทในการปฏิรูประบบราชการของประเทศไทยในช่วงปัจจุบัน ได้กําหนดหลักการ ทั่วไปในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงปัจจุบันไว้ว่า “การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การ ลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จําเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอํานาจตัดสินใจ การอํานวย ความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยต้องมีผู้รับผิดชอบต่อผลของงาน” ตามมาตรา 3/1 ได้กําหนดหลักการในการบริหารราชการแผ่นดินว่า ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยใช้วิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดีและเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการให้เป็นไปตามมาตราดังกล่าวจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกากําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการปฏิบัติก็ได้ ในการนี้คณะกรรมการ ก.พ.ร. และสํานักงาน ก.พ.ร. จึงได้ จัดร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2546 ได้ มีมติเห็นชอบด้วยกับหลักการที่เสนอ ซึ่งมีสาระสําคัญคือ 1. 2. 3. 4. 5. 6.
การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ การอํานวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน และ การประเมินผลการปฏิบัติราชการ
3.พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
ในการดําเนินการปฏิรูประบบราชการ นอกจากจะมีการกําหนดนโยบายในรูปแบบของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ ราชการแล้ว รัฐบาลยังได้มีออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 เพื่อกําหนด หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยมีความประสงค์จะให้ใช้บังคับกับส่วนราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรม ทั้งที่ เป็นราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่ายบริหารที่มีการจัดตั้งขึ้น และมีการ ปฏิบัติราชการเช่นเดียวกับกระทรวง ทบวง กรม โดยมีรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และกรอบ แนวทางการดําเนินการที่สําคัญ ดังนี้ หมวดที่ 1 เป็นการกําหนดขอบเขตความหมาย หมวดที่ 2 กําหนดแนวทางการบริหารราชการ หมวดที่ 3 กล่าวถึง “การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ” หมวดที่ 4 การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า หมวดที่ 5 การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน หมวดที่ 6 การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ หมวดที่ 7 การอํานวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน หมวดที่ 8 การประเมินผลการปฏิบัติราชการ ****************** .มาตรา 1 พระราชกฤษฏีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฏีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ” มาตรา 2 พระกฤษฏีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ 1 การปฏิบัติตามพระราชกฤษฏีกานี้ในเรื่องใดสมควรที่ส่วนราชการใดจะปฏิบัติเมื่อใดและจะต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไป เช่นใด? ก. ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ ก.พ.ร. ข. ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ พ.ร.ก. ค. ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ ก.พ. ง. ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ พ.ร.บ. .ตอบ ก. ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ ก.พ.ร.( มาตรา 3) มาตรา 3 การปฏิบัติตามพระราชกฤษฏีกานี้ในเรื่องใดสมควรที่ส่วนราชการใดจะปฏิบัติเมื่อใดและจะต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไป ตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดตามข้อเสนอแนะ ก.พ.ร. (หวังว่าเข้าใจคําว่า ก.พ.ร.และ พ.ร.ก.แล้วนะครับหากยังไม่เข้าใจย้อนขึ้นไปดู นะครับ) ข้อ 2 ในพระราชกฤษฏีกานี้ คําว่า “ ส่วนราชการ ” หมายความว่า อย่างไร?
ก. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่าย บริการ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่ายนิติ บัญญัติ แต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ค. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่ายนิติ บัญญัติ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ง. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่าย บริหาร แต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตอบ ง. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกํากับของราชการฝ่าย บริหาร แต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(มาตรา 4) มาตรา 4 ในพระราชกฤษฏีกานี้ “ ส่วนราชการ ” หมายความว่า ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ ในกํากับข่องราชการฝ่ายบริหาร แต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “รัฐวิสาหกิจ ”หมายความว่า รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฏีกา “ข้าราชการ ” หมายความรวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการ ข้อ 3 “ข้าราชการ ” ตามพระราชกฤษฏีกานี้หมายความรวมถึงใครบ้าง? ก. พนักงาน
ข. ลูกจ้าง
ค .ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการ
ง. ถูกหมด
ตอบ ง.ถูกหมด (มาตรา 4 ดูคําเฉลยข้อ 2)
ข้อ 4 “รัฐวิสาหกิจ ”หมายความว่า อย่างไร? ก. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ ค. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎกระทรวง ตอบ ง. ถูกหมดทั้ง ก.และ ข.
ข. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฏีกา ง. ถูกหมดทั้ง ก.และ ข. (มาตรา 4 ดูคําเฉลยข้อ 2)
ข้อ 5 ใครเป็นผู้รักษาการ ตาม พระราชกฤษฏีกานี้ ก.นายกรัฐมนตรี
ข.ประธานคณะกรรมการสํานักงานพัฒนาระบบราชการไทย
ค.คณะรัฐมนตรี
ง.ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตอบ ก.นายกรัฐมนตรี มาตรา 5
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฏีกานี้ ข้อ 6 ข้อใดเป็นการบริหารเพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ก. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ค. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ง.ถูกหมดทุกข้อ ตอบ ง.ถูกหมดทุกข้อ( หมวดที่ 1 มาตรา 6) ข้อ 7 ข้อใดผิดเรื่องของบริหารเพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ก. ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจําเป็น
ข. มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อเหตุการณ์
ค. ประชาชนได้รับการอํานวยความสะดวก และได้รับการตอบสนองความต้องการ ง. มีการวางแผนเตรียมการปฏิบัติงานอย่างสม่ําเสมอ ตอบ ง. มีการวางแผนเตรียมการปฏิบัติงานอย่างสม่ําเสมอ ( หมวดที่ 1 มาตรา 6) หมวดที่ 1 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มาตรา 6 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่ การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังต่อไปนี้ 1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน 2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ 3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ 4) ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจําเป็น 5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อเหตุการณ์ 6) ประชาชนได้รับการอํานวยความสะดวก และได้รับการตอบสนองความต้องการ 7) มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างสม่ําเสมอ ข้อ 8 การบริหารราชการให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่ออะไรบ้าง?(ข้อใดผิด) ก.เพื่อให้เกิดความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
ข.เพื่อ ความสงบและปลอดภัยของสังคม ส่วนรวม
ค.เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีงาม ง.เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ตอบ ค.เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีงาม(หมวดที่ 2 มาตรา 7 ) หมวดที่ 2 “การบริหารราชการให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา 7 การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกและ ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบและปลอดภัยของสังคม ส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ ข้อ 9 ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะต้องดําเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางที่จะ ได้รับการบริการจากรัฐ และจะต้องมีแนวทางการบริหารราชการดังต่อไปนี้ ก. การกําหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ และสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและนโยบายของ คณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา ข. การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยมีความซื่อสัตย์สุจริตสามารถตรวจสอบได้ และมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ ประชาชนทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ค.ก่อนเริ่มดําเนินการส่วนราชการต้องจัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วนทุกด้าน ง.ทุกข้อที่กล่าวมา ตอบ ง.ทุกข้อที่กล่าวมา ( มาตรา 8) ข้อ 10 ข้อใดผิดหลักแนวทางการบริหารราชการการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ? ก.ข้าราชการที่จะต้องคอยรับฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของสังคมโดยรวมและประชาชนผู้รับบริการ เพื่อปรับปรุงหรือ เสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชา ข.ส่วนราชการต้องดําเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือชี้แจงทําความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่ ส่วนรวมจะได้รับจากภารกิจนั้น ค.ในกรณีที่เกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดําเนินการให้ส่วนราชการดําเนินการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ง.การดําเนินการตามต่าง ๆที่กล่าวมาให้ประชาชนกําหนดวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจแต่ละเรื่อง เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธีปฏิบัติ ราชการให้เหมาะสม ตอบ ง.การดําเนินการตามต่าง ๆที่กล่าวมาให้ประชาชนกําหนดวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจแต่ละเรื่อง เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธี ปฏิบัติราชการให้เหมาะสม
(มาตรา 8 วรรคสุดท้าย) มาตรา 8 ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะต้องดําเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางที่ จะได้รับการบริการจากรัฐ และจะต้องมีแนวทางการบริหารราชการดังต่อไปนี้ (1) การกําหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ตาม มาตรา 7 และสอดคล้องกับแนวนโยบาย แห่งรัฐและนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา 2) การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยมีความซื่อสัตย์สุจริตสามารถตรวจสอบได้ และมุ่งให้เกิดประโยชน์สุข แก่ประชาชนทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น 3) ก่อนเริ่มดําเนินการส่วนราชการต้องจัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วนทุกด้าน กําหนดขั้นตอนการ ดําเนินการที่โปร่งใส กลไกตรวจสอบการดําเนินการในแต่ละขั้นตอนในกรณีที่ภารกิจใดจะมีผลกระทบต่อประชาชน ส่วน ราชการต้องดําเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือชี้แจงทําความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่ ส่วนรวมจะได้รับจากภารกิจนั้น 4) ให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการที่จะต้องคอยรับฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของสังคมโดยรวมและประชาชน ผู้รับบริการ เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้เหมาะสม 5) ในกรณีที่เกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดําเนินการให้ส่วนราชการดําเนินการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ใน กรณีที่ปัญหาหรืออุปสรรคนั้นเกิดขึ้นจากส่วนราชการอื่นหรือระเบียบข้อบังคับที่ออกโดยส่วนราชการอื่นให้ส่วนราชการแจ้ง ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อดําเนินการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็วต่อไป และให้แจ้ง ก.พ.ร.ทราบด้วย การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ส่วนราชการกําหนดวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจแต่ละเรื่องทั้งนี้ ก.พ.ร.จะ กําหนดแนวทางการดําเนินการทั่วไปให้ส่วนราชการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรานี้ด้วยก็ได้
ข้อ 11 การบริหารเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการปฏิบัติดังต่อไปนี้ ข้อใดผิดจากหลักการ? ก. ก่อนจะดําเนินการตามภารกิจใด ส่วนราชการต้องจัดทําแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า ข. การดําเนินแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการตาม ( ก)ต้องมีรายละเอียดของขั้นตอนระยะเวลาและงบประมาณที่จะต้องใช้ใน การดําเนินการของแต่ละขั้น เป้าหมายของการกิจ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ และตัวชี้วัดความสําเร็จของภารกิจ ค. ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส่วนราชการ กําหนดขึ้นซึ่งต้องสอดคล้องกับมาตราฐาน ที่ ก.พ.ร.กําหนด ง. ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจ หรือการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการเกิดผลกระทบต่อประชาชน ให้เป็นหน้าที่ของประชาชนต้อง ช่วยกันตรวจสอบแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบนั้น หรือเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการให้เหมาะสม
ตอบ ง. ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจ หรือการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการเกิดผลกระทบต่อประชาชน ให้เป็นหน้าที่ของประชาชน ต้องช่วยกันตรวจสอบแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบนั้น หรือเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการให้เหมาะสม (ข้อนี้ผิด ตามมาตรา 9 ของ หมวดที่ 3) หมวดที่ 3 การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ” มาตรา 9 การบริหารเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1)ก่อนจะดําเนินการตามภารกิจใด ส่วนราชการต้องจัดทําแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า (2) การดําเนินแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการตาม (1)ต้องมีรายละเอียดของขั้นตอนระยะเวลาและงบประมาณที่จะต้องใช้ใน การดําเนินการของแต่ละขั้น เป้าหมายของการกิจ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ และตัวชี้วัดความสําเร็จของภารกิจ (3) ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส่วนราชการ กําหนดขึ้นซึ่งต้องสอดคล้องกับมาตราฐาน ที่ ก.พ.ร.กําหนด (4 ) ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจ หรือการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการเกิดผลกระทบต่อประชาชน ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่ จะต้องดําเนินการแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบนั้น หรือเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการให้เหมาะสม ข้อ 12 ในกรณีที่ภารกิจใดมีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วนราชการหรือเป็นภารกิจที่ใกล้เคียงหรือต่อเนื่องกัน ควรทําเช่นใด ? ก.ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้นกําหนดแนวทางการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมุ่งให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ข.ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้นกําหนดทิศทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบร่วมกัน โดยมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่องานภภาครัฐ ค. ให้ส่วนราชการที่เป็นต้นสังกัดศึกษาแนวทางการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมุ่งให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ? ง. ถูกหมดทุกข้อ ตอบ ก.ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้นกําหนดแนวทางการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมุ่ง ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ (มาตรา 10) ข้อ 13 ให้ส่วนราชการมีหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติราชการของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าคณะผู้แทนในต่างประเทศ เพื่ออะไร? ก.เพื่อให้การบูรณาการงานต่าง ๆในจังหวัดหรือในต่างประเทศ สามารถยืนยันตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ข.เพื่อให้จังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี สามารถใช้ติดต่อกับประชาชนได้โดยตรงโดยใช้อํานาจตามกฎหมายได้ ครบถ้วน ค.เพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี สามารถใช้อํานาจตามกฎหมายได้ครบถ้วน ตามความจําเป็นและบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ง. เพื่อให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศสามารถใช้อํานาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตามความจําเป็นและบริหารราชการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ตอบ ค.เพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี สามารถใช้อํานาจตามกฎหมายได้ ครบถ้วนตามความจําเป็นและบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มาตรา 10) มาตรา 10 ในกรณีที่ภารกิจใดมีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วนราชการหรือเป็นภารกิจที่ใกล้เคียงหรือต่อเนื่องกัน ให้ส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องนั้นกําหนดแนวทางการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อ ภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการมีหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติราชการของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าคณะผู้แทนในต่างประเทศ เพื่อให้ การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี สามารถใช้อํานาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตามความ จําเป็นและบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อ 14 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับการบริหารราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามพระราชกฤษฏี กานี้ ส่วนราชการควรจะดําเนินการเช่นใด?(ข้อใดผิดจากหลัการ) ก.ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ําเสมอ ข.ส่วนราชการต้องต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่าง ๆเพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้ อย่างถูกต้อง รวดเร็วและเหมาะสมกับสถานการณ์ ค. ส่วนราชการต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้สามารถสร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัดให้เป็นบุคคลากร ที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน ง.ส่วนราชการต้องพัฒนาหน่วยงานโดยทํากิจกรรม 5 ส.อย่างสม่ําเสมอเพื่อเป็นแนวทางในการดํารงความเป็นอยุ่ร่วมกันกับ ประชาชน ตอบ ข้อ ง ส่วนราชการต้องพัฒนาหน่วยงานโดยทํากิจกรรม 5 ส.อย่างสม่ําเสมอเพื่อเป็นแนวทางในการดํารงความ เป็นอยุ่ร่วมกันกับประชาชน (ผิดจากหลักการ ตาม มาตราที่ 11 ) มาตรา 11 ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ําเสมอ โดยต้อง รับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่าง ๆเพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้สามารถสร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการใน
สังกัดให้เป็นบุคคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้ สอดคล้องกับการบริหารราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามพระราชกฤษฏีกานี้ ข้อ 15 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร.อาจเสนอต่อใครเพื่อกําหนดการปฏิบัติราชการ และโดยวิธี ใด? ก. ก.พ.ร.อาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการปฏิบัติราชการ โดยวิธีการจัดทําความตกลงเป็นลายลักษณ์ อักษรหรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ข.ก.พ.ร.อาจเสนอต่อรัฐมนตรีมหาดไทยเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการปฏิบัติราชการ โดยวิธีการจัดทําแผนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ค. ก.พ.ร.อาจเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการปฏิบัติราชการ โดยวิธีการจัดทํานโยบายเป็นลายลักษณ์อักษร หรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ง. ก.พ.ร.อาจเสนอต่อ ประธาน สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการไทยเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการปฏิบัติราชการ โดย วิธีการจัดทํานโยบายเป็นลายลักษณ์อักษรหรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ตอบ ก. ก.พ.ร.อาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการปฏิบัติราชการ โดยวิธีการจัดทําความตกลงเป็นลาย ลักษณ์อักษรหรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (มาตรา 12) มาตรา 12 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร.อาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกําหนดมาตรการกํากับการ ปฏิบัติราชการ โดยวิธีการจัดทําความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรหรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการ ข้อ 16 คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี เมื่อ คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วหน่วยงานใดมีหน้าที่จัดทําแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี ก.สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข.สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ค.สํานักงบประมาณ
ง.ทุกข้อที่กล่าวมาต้องร่วมกันจัดทําแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี
ตอบ ง.ทุกข้อที่กล่าวมาต้องร่วมกันจัดทําแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี (มาตรา 13) ข้อ 17 จากข้อ 16 หน่วยงานดังกล่าวจําเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกี่วัน ? ก.สามสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ข.หกสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ค.เก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตอบ ค.เก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (มาตรา 13) ข้อ 18 ผลจากข้อ 17 เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดินตาม ข้อ 16 แล้วจักมีผลประการใด? ก. มีผลถือว่าเสร็จสิ้นตามแผน การบริหารราชการแผ่นดิน ทุกประการ ข. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี สิ้นสุดการดําเนินการตามแผน การบริหารราชการแผ่นดินนั้น ค. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดําเนินการจัดทําภารกิจให้เป็นไปตามแผน การบริหารราชการ แผ่นดินนั้น ง. มีผลผูกพันกับรัฐมนตรี และส่วนราชการที่จะต้องดําเนินการจัดทําภารกิจให้เป็นไปตามแผน การบริหารราชการแผ่นดินนั้น ตอบ .ค. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดําเนินการจัดทําภารกิจให้เป็นไปตามแผน การบริหาร ราชการแผ่นดินนั้น (มาตรา 13) มาตรา 13 ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ให้สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สํานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสํานักงบประมาณร่วมกันจัดทําแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามวรรคหนึ่งแล้วให้มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดําเนินการจัดทําภารกิจให้เป็นไปตามแผน การบริหารราชการแผ่นดินนั้น ข้อ 19 จากการจัดทําแผนการบริหารราชการแผนดินตามมาตรา 13 ให้จัดทําเป็นแผนกําหนด กี่ปี? ก.สามปี
ข.สี่ปี
ค.ห้าปี
ง.หกปี
ตอบ สี่ปี
(มาตรา 14 )
ข้อ 20 แผนการบริหารราชการแผนดิน ตามข้อ 19 นํามาจากโดยทางใดบ้าง? ก.โดยนํานโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภามาพิจารณาดําเนินการให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ข.แผนพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ค.จากนโยบายที่รัฐบาลเคยเห็นชอบและถูกแก้ไขปรับปรุงแล้วแต่ยังไม่เคยนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์
ง.ข้อ ก และ ข.ถูก ตอบ . ง.ข้อ ก และ ข.ถูก (มาตรา 14) ข้อ 21 แผนการบริหารราชการแผนดินอย่างน้อยจะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับการข้อต่อไปนี้ ข้อใดไม่ถูก? ก.จะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับกําหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน ข.จะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับ ส่วนราชการหรือบุคคลที่จะรับผิดชอบในแต่ละภารกิจ ค.จะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับประมาณการรายได้และรายจ่ายและทรัพยากรต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ระยะเวลาการดําเนินการ และการ ติดตามประเมินผล ง.จะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ การบริหารงานบุคคล ภาวะผู้นํา และการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ ตอบ .ง.จะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ การบริหารงานบุคคล ภาวะผู้นํา และการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ (ข้อนี้ถูก เพราะ เป็นข้อผิด ห้ามงง นะครับ) (มาตรา 14) มาตรา 14 ในการจัดทําแผนการบริหารราชการแผนดินตามมาตรา 13 ให้จัดทําเป็นแผนสี่ปีโดยนํานโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อ รัฐสภามาพิจารณาดําเนินการให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ แผนพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งนี้ อย่างน้อยจะต้องมีสาระสําคัญเกี่ยวกับการกําหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน ส่วนราชการหรือบุคคลที่จะรับผิดชอบในแต่ละภารกิจ ประมาณการรายได้และรายจ่ายและทรัพยากรต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ระยะเวลา การดําเนินการ และการติดตามประเมินผล :ข้อ 22 เมื่อมีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หน่วยงานใดต้องพิจารณาจัดทําแผนนิติบัญญัติ? ก. ให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข. สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ค. ทั้ง ก และ ข. ร่วมกันพิจารณาจัดทําแผนนิติบัญญัติ
ง. ทั้ง ก และ ข และต้องมีสํานักอัยการสูงสุดร่วมพิจารณาด้วย
ตอบ ค.ทั้ง ก และ ข. ร่วมกันพิจารณาจัดทําแผนนิติบัญญัติ ( มาตรา 15 ) ข้อ 23
แผนนิติบัญญัติ ตามข้อ 22 มีรายละเอียดอะไรบ้าง?
ก. โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่จะต้องจัดให้มีขึ้นใหม่
ข. โดยมีรายละเอียดกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม
ค. โดยมีรายละเอียดกฏหมายที่ยกเลิกให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนราชการผู้รับผิดชอบ และระยะเวลาที่ ต้องดําเนินการ ง. ถูกหมด ครับ ตอบ. ง.ถูกหมด ครับ(มาตรา 15)
ข้อ 24 แผนนิติบัญญัตินั้น ต้องให้ใครเห็นชอบจึงจะมีผลผูกพันส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น? ก. คณะรัฐมนตรี (มาตรา 15)
ข. รัฐมนตรี
ค. คณะตุลาการ
ง. คณะอัยการสุงสุด
ตอบ ก.คณะรัฐมนตรี
มาตรา 15เมื่อมีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีร่วมกันพิจารณาจัดทําแผนนิติบัญญัติ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่จะต้องจัดให้มีขึ้นใหม่หรือกฎหมายที่ต้องมี การแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนราชการผู้รับผิดชอบ และระยะเวลาที่ต้อง ดําเนินการ แผนนิติบัญญัตินั้นเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ตามที่สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีเสนอแล้ว ให้มีผลผูกพันส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น ในกรณีที่เห็นสมควร สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อกําหนดหลักเกณฑ์การจัดทํา แผนนิติบัญญัติเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานก็ได้ ข้อ 25 ให้ส่วนราชการจัดทําแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้น โดยจัดทําเป็นแผนสี่ปี ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับแผนการบริหาร ราชการแผ่นดินตาม มาตรา 13 และ ในแต่ละปีงบประมาณ ให้ส่วนราชการจัดทําแผนปฏิบัติราชการประจําปี โดยให้ระบุ สาระสําคัญเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน รวมทั้งประมาณการรายได้และ รายจ่ายและทรัพยากรอื่นที่จะต้องใช้เสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ เมื่อรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการใด แล้วให้หน่วยงานใดทําเช่นใด?(อย่าเบื่อเพราะโจทย์ ยาว หากเข้าใจแค่จําโจทย์ได้ ก็เท่ากับ 1มาตราครับ) ก.ให้สํานักงบประมาณดําเนินการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตามแผนปฏิบัติ ราชการดังกล่าว ข.ให้สํานักตรวจเงินแผ่นดินดําเนินการตรวจเงินงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตาม แผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ค.ให้กระทรวงการคลังดําเนินการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตามแผนปฏิบัติ ราชการดังกล่าว ง. ให้ทุกข้อที่กล่าวมาดําเนินการร่วมกันเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตามแผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ตอบ ก.ให้สํานักงบประมาณดําเนินการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตามแผนปฏิบัติราชการ ดังกล่า(มาตรา 16) ข้อ 26 ถ้าในกรณีที่ส่วนราชการมิได้เสนอแผนปฏิบัติราชการในภารกิจใด หรือภารกิจใดไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี จะ ดําเนินการเช่นใด?
ก. มิให้สํานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสําหรับภารกิจนั้น ข.. มิให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณสําหรับภารกิจนั้น ค. มิให้สํานักตรวจเงินแผ่นดินตรวจงบประมาณสําหรับภารกิจนั้น ง. มิให้ ข้อ ก. และ ข และ ค. จัดสรรงบประมาณและตรวจสอบสําหรับภารกิจนั้น ตอบ ก. มิให้สํานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสําหรับภารกิจนั้น (มาตรา 16) มาตรา 16 ให้ส่วนราชการจัดทําแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้น โดยจัดทําเป็นแผนสี่ปี ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับแผนการ บริหารราชการแผ่นดินตาม มาตรา 13 ในแต่ละปีงบประมาณ ให้ส่วนราชการจัดทําแผนปฏิบัติราชการประจําปี โดยให้ระบุสาระสําคัญเกี่ยวกับนโยบายการ ปฏิบัติราชการของส่วนราชการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน รวมทั้งประมาณการรายได้และรายจ่ายและทรัพยากรอื่นที่จะต้อง ใช้เสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ เมื่อรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการใด ตามวรรคสองแล้ว ให้สํานักงบประมาณ ดําเนินการจัดสรรงบประมาณเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุผลสําเร็จในแต่ละภารกิจ ตามแผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ในกรณีที่ส่วนราชการมิได้เสนอแผนปฏิบัติราชการในภารกิจใด หรือภารกิจใดไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี มิ ให้สํานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสําหรับภารกิจนั้น เมื่อสิ้นปีงบประมาณให้ส่วนราชการจัดทํารายงาน แสดงผลสัมฤทธิ์ของแผนปฏิบัติราชการประจําปีเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี ข้อ 27 ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกําหนดให้ ส่วนราชการต้องจัดทําแผนปฏิบัติราชการเพื่อขอรับงบประมาณ หน่วยงานใดต้องกําหนดแนวทางการจัดทําแผน ให้สามารถใช้ได้กับแผนปฏิบัติราชการที่ ต้องจัดทําตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เพิ่มภาระงานในการจัดทําแผนจนเกินสมควร ? ก.สํานักงบประมาณ กําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการ ข. ก.พ.ร. กําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการ ค.สํานักงบประมาณ และ กระทรวงการคลัง ร่วมกันกําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการ ง.สํานักงบประมาณ และ ก.พ.ร. ร่วมกันกําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการ ตอบ ง.สํานักงบประมาณ และ ก.พ.ร. ร่วมกันกําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการ (มาตรา 17) มาตรา 17 ในกรณีที่กฏหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกําหนดให้ส่วนราชการต้องจัดทําแผนปฏิบัติราชการเพื่อขอรับงบประมาณ ให้สํานักงบประมาณ และ ก.พ.ร. ร่วมกันกําหนดแนวทางการจัดทําแผนปฏิบัติราชการตาม ม.16 ให้สามารถใช้ได้กับแผนปฏิบัติ ราชการที่ต้องจัดทําตามกฏหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เพิ่มภาระงานในการจัดทําแผนจนกินสมควร
ข้อ 28 เมื่อมีการกําหนดงบประมาณรายจ่ายประจําปีตามแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการใดแล้ว การโอนงบประมาณจาก ภารกิจหนึ่งตามที่กําหนดในแผนปฏิบัติราชการไปดําเนินการอย่างอื่น ซึ่งมีผลทําให้ภารกิจเดิมไม่บรรลุเป้าหมายหรือนําไปใช้ใน ภารกิจใหม่ที่มิได้กําหนดในแผนปฏิบัติราชการ จะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากใคร? ก. ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง. ก.พ.ร. ข้อ 29
ข. สํานักงบประมาณ ค. สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการไทย
ตอบ ก.ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (มาตรา 18) การปรับแผนปฏิบัติราชการตามข้อ 28 จะกระทําได้เฉพาะในกรณีใดได้บ้าง ข้อใดไม่อยู่ในกรณีดังกล่าว?
ก.กรณีที่งานหรือภารกิจใดไม่อาจดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปได้ ข.กรณีที่งานหรือภารกิจหมดความจําเป็นหรือไม่เป็นประโยชน์ หรือหากดําเนินการต่อไปจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินความ จําเป็น ค.กรณีที่งานหรือภารกิจมีความจําเป็นอย่างอื่นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสาระสําคัญของแผนปฏิบัติ ราชการ ง.กรณีที่งานหรือภารกิจมีเวลา งบประมารจํากัด หากทําตามแผนแล้วคาดเดาว่าไม่มีทางทําได้ ตอบ ง.กรณีที่งานหรือภารกิจมีเวลา งบประมารจํากัด หากทําตามแผนแล้วคาดเดาว่าไม่มีทางทําได้ (มาตรา 18) มาตรา 18 เมื่อมีการกําหนดงบประมาณรายจ่ายประจําปีตามแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการใดแล้ว การโอนงบประมาณจาก ภารกิจหนึ่งตามที่กําหนดในแผนปฏิบัติราชการไปดําเนินการอย่างอื่น ซึ่งมีผลทําให้ภารกิจเดิมไม่บรรลุเป้าหมายหรือนําไปใช้ใน ภารกิจใหม่ที่มิได้กําหนดในแผนปฏิบัติราชการ จะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ปรับแผนปฏิบัติราชการให้ สอดคล้องกันแล้ว การปรับแผนปฏิบัติราชการตามวรรคหนึ่งจะกระทําได้เฉพาะในกรณี ที่งานหรือภารกิจใดไม่อาจดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไป ได้ หรือหมดความจําเป็นหรือไม่เป็นประโยชน์ หรือหากดําเนินการต่อไปจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินความจําเป็น หรือมีความจําเป็น อย่างอื่นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสาระสําคัญของแผนปฏิบัติราชการ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับแผนปฏิบัติราชการแล้ว ให้ดําเนินการแก้ไขแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกันด้วย ข้อ 30 ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตําแหน่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการมีหน้าที่ดําเนินการอะไรบ้าง เพื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะ ได้ใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากําหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ข้อใดไม่ถูกต้อง? ก.ให้หัวหน้าส่วนราชการมีหน้าที่สรุปผลการปฏิบัติราชการ ข.ให้หัวหน้าส่วนราชการให้ข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ สั่งการ ค.ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งดําเนินการพิจารณาทําแผนนโยบายใหม่เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
ง. ข้อ ถูก หมดทุกข้อ ตอบ ค.ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งดําเนินการพิจารณาทําแผนนโยบายใหม่เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว (มาตรา 19) มาตรา 19 เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตําแหน่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการมีหน้าที่สรุปผลการปฏิบัติราชการและให้ข้อมูลต่อ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ สั่งการ ทั้งนี้ เพื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะได้ใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากําหนด นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ข้อ 31 ข้อใดเป็นสิ่งที่ส่วนราชการพึ่งกระทําเพื่อให้การปฏิบัติราชการภายในส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ? ก.ให้ส่วนราชการกําหนดนโยบาย แผนการทํางาน ระยะเวลาของนโยบายของงาน และงบประมาณที่จะต้องใช้ในแต่ละงาน หรือโครงการ และต้องเสนอผู้บังคับบัญชาตามสายงานให้ทราบทั่วกันด้วย ข.ให้ส่วนราชการกําหนดเป้าหมาย แผนการทํางาน ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานหรือโครงการ และงบประมาณที่จะต้องใช้ ในแต่ละงานหรือโครงการ และต้องเผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกันด้วย คให้ส่วนราชการกําหนดการบริหารงานบุคคล หรือการอบรมบุคลากร และพร้อมเตรียมงบประมาณที่จะต้องใช้ และต้อง เผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกันด้วย ง.ให้ส่วนราชการกําหนดเร่งดําเนินการเป้าหมาย แผนการทํางาน ให้แล้วเสร็จของงานหรือโครงการ และต้องติดตาม ประเมินผลโครงการ และต้องเผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกันด้วย ตอบ ข.ให้ส่วนราชการกําหนดเป้าหมาย แผนการทํางาน ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานหรือโครงการ และงบประมาณที่จะต้องใช้ใน แต่ละงานหรือโครงการ และต้องเผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกันด้วย (มาตรา 20 หมวดที่ 4 ) หมวด 4 การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ มาตรา 20 เพื่อให้การปฏิบัติราชการภายในส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการกําหนดเป้าหมาย แผนการ ทํางาน ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานหรือโครงการ และงบประมาณที่จะต้องใช้ในแต่ละงานหรือโครงการ และต้องเผยแพร่ให้ ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกันด้วย ข้อ 32 ให้ส่วนราชการจัดทําบัญชีต้นทุนในงานบริการสาธารณะแต่ละประเภทขึ้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่หน่วยการใดเป็นผู้ กําหนด ? ก.สํานักงบประมาณกําหนด
ข.กรมบัญชีกลางกําหนด
ตอบ ข. กรมบัญชีกลางกําหนด (มาตรา 21 )
ค.กระทรวงการคลังกําหนด
ง.ทุกข้อถูกหมด
ข้อ 32 ให้ส่วนราชการคํานวณรายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการนั้นตาม ระยะเวลาที่กรมบัญชีกลางกําหนด และรายงานให้ใครทราบ? ก.ให้สํานักงานงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และ ก.พ. ร. ทราบ ค. ให้นายกรัฐมนตรี ทราบ
ข. ให้กระทรวงการคลังทราบ
ง. ให้คณะรัฐมนตรีทราบ
ตอบ ก.ให้สํานักงานงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และ ก.พ. ร. ทราบ (มาตรา 21) ข้อ 33 ในกรณีที่รายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะใดของส่วนราชการใดสูงกว่ารายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะ ประเภทและคุณภาพเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันของส่วนราชการอื่น ให้ส่วนราชการนั้นจัดทําแผนการลดรายจ่ายต่อหน่วยของงาน บริการสาธารณะดังกล่าวเสนอสํานักงบประมาณ กรมบัญชีกลางและ ก.พ.ร. ทราบ และถ้ามิได้มีข้อทักท้วงประการใดภายในกี่วัน ก็ให้ส่วนราชการดังกล่าวถือปฏิบัติตามแผนการลดรายจ่านนั้นต่อไปได้? ก.เจ็ดวัน
ข.สิบวัน ค.สิบห้าวัน
ง.ยี่สิบวัน
ตอบ ค.สิบห้าวัน (มาตรา 21)
มาตรา 21 ให้ส่วนราชการจัดทําบัญชีต้อนทุนในงานบริการสาธารณะแต่ละประเภทขึ้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมบัญชีกลาง กําหนด ให้ส่วนราชการคํานวณรายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการนั้นตาม ระยะเวลาที่กรมบัญชีกลางกําหนด และรายงานให้สํานักงานงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และ ก.พ. ร. ทราบ ในกรณีที่รายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะใดของส่วนราชการใดสูงกว่ารายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะประเภท และคุณภาพเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันของส่วนราชการอื่น ให้ส่วนราชการนั้นจัดทําแผนการลดรายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการ สาธารณะดังกล่าวเสนอสํานักงบประมาณ กรมบัญชีกลางและ ก.พ.ร. ทราบ และถ้ามิได้มีข้อทักท้วงประการใดภายในสิบห้าวันก็ให้ ส่วนราชการดังกล่าวถือปฏิบัติตามแผนการลดรายจ่ายนั้นต่อไปได้ ข้อ 34 ให้สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสํานักงบประมาณร่วมกันจัดให้มีการประเมินความ คุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการดําเนินการอยู่เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีสําหรับเป็นแนวทางในการพิจารณาว่าภารกิจ ใดสมควรจะได้ดําเนินการต่อไปหรือยุบเลิก และเพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งงบประมาณของส่วนราชการในปีต่อไป ทั้งนี้ ตาม ระยะเวลาตามกําหนดของใคร? ก. ก.พ.ร
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. การทรวงการคลัง ตอบ ค.คณะรัฐมนตรี (มาตรา 22)
ข้อ 35 คําว่า การประเมินความคุ้มค่าตาม ข้อ 34 ต้องคํานึ่งถึงอะไรบ้าง ข้อใดผิด? ก. ให้คํานึงถึงประเภทและสภาพของแต่ละภารกิจความเป็นไปได้ของภารกิจหรือโครงการที่ดําเนินการ ประโยชน์ที่รัฐและ ประชาชนจะพึงได้และรายจ่ายที่ต้องเสียไปก่อนที่ส่วนราชการดําเนินการด้วย
ข.ให้คําถึงประโยชน์หรือผลเสียทางสังคม ซึ่งไม่อาจคํานวณเป็นตัวเงินได้ด้วย ค.ให้คําถึงประโยชน์หรือผลเสียอื่น ซึ่งไม่อาจคํานวณเป็นตัวเงินได้ด้วย ง.ให้คํานึงถึงให้คํานึงถึงประเภทและสภาพของแต่ละภารกิจความเป็นไปได้ของภารกิจหรือโครงการที่ดําเนินการ ประโยชน์ ที่รัฐและประชาชนจะพึงได้และรายจ่ายที่ต้องเสียไปก่อนและหลังที่ส่วนราชการดําเนินการด้วย ตอบ ก. ให้คํานึงถึงประเภทและสภาพของแต่ละภารกิจความเป็นไปได้ของภารกิจหรือโครงการที่ดําเนินการ ประโยชน์ที่ รัฐและประชาชนจะพึงได้และรายจ่ายที่ต้องเสียไปก่อนที่ส่วนราชการดําเนินการด้วย (มาตรา 22) มาตรา 22 ให้สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสํานักงบประมาณร่วมกันจัดให้มีการ ประเมินความคุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการดําเนินการอยู่เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีสําหรับเป็นแนวทางในการ พิจารณาว่าภารกิจใดสมควรจะได้ดําเนินการต่อไปหรือยุบเลิก และเพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งงบประมาณของส่วนราชการในปี ต่อไป ทั้งนี้ ตามระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกําหนดในการประเมินความคุ้มค่าตามวรรคหนึ่ง ให้คํานึงถึงประเภทและสภาพของแต่ ละภารกิจความเป็นไปได้ของภารกิจหรือโครงการที่ดํานินการ ประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะพึงได้และรายจ่ายที่ต้องเสียไปก่อน และหลังที่ส่วนราชการดําเนินการด้วยความคุ้มค่าตามมาตรานี้ ให้หมายความถึงประโยชน์หรือผลเสียทางสังคม และประโยชน์หรือ ผลเสียอื่น ซึ่งไม่อาจคํานวณเป็นตัวเงินได้ด้วย ข้อ 36 ข้อใดผิดหลักการจัดซื้อจัดจ้าง? ก. ในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ให้ส่วนราชการดําเนินการโดยเปิดเผยและเที่ยงธรรม ข. พิจารณาถึงประโยชน์และผลเสียทางสังคม ภาระต่อประชาชน คุณภาพ วัตถุประสงค์ที่จะใช้ ราคาและประโยชน์ระยะ ยาวของส่วนราชการที่จะได้รับประกอบกัน ค. ในกรณีที่วัตถุประสงค์ในการใช้เป็นเหตุให้ต้องคํานึงถึงคุณภาพและการดูแลรักษาเป็นสําคัญให้สามารถกระทําได้โดยไม่ ต้องถือราคาต่ําสุดในการเสนอซื้อหรือจ้างเสมอไป ง. ก.พ.ร.ที่มีหน้าที่ดูแลระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง และปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ส่วนราชการดําเนินการ อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบ ง. ก.พ.ร.ที่มีหน้าที่ดูแลระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง และปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ส่วนราชการ ดําเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ (มาตรา 23) มาตรา 23 ในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ให้ส่วนราชการดําเนินการโดยเปิดเผยและเที่ยงธรรมโดยพิจารณาถึงประโยชน์และ ผลเสียทางสังคม ภาระต่อประชาชน คุณภาพ วัตถุประสงค์ที่จะใช้ ราคาและประโยชน์ระยะยาวของส่วนราชการที่จะได้รับประกอบ กัน ในกรณีที่วัตถุประสงค์ในการใช้เป็นเหตุให้ต้องคํานึงถึงคุณภาพและการดูแลรักษาเป็นสําคัญให้สามารถกระทําได้โดยไม่ต้อง ถือราคาต่ําสุดในการเสนอซื้อหรือจ้างเสมอไป ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ส่วนราชการดําเนินการตามวรรค หนึ่งและวรรคสองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อ 37 ส่วนราชการที่มีอํานาจในการอนุญาต อนุมัติ การปฏิบัติภารกิจใด ตามที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ให้ ส่วนราชการที่ยื่นคําขอทราบภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้รับคําขอ?
ก.สิบวัน ข.สิบห้าวัน ค.ยี่สิบวัน ง.สามสิบวัน ตอบ ข.สิบห้าวัน (มาตรา 24) ข้อ 38 ในกรณีที่เรื่องใดมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนด ขั้นตอนการปฏิบัติไว้ ตามข้อ 37 หากต้องใช้เวลาเกินสิบห้าวัน ให้ทําเช่นใด? ก. ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจ อนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบ ประกาศกําหนดระยะเวลาการพิจารณาไว้ให้ส่วนราชการอื่น ทราบ ข. ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจ อนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบ แถลงการณ์ระยะเวลาการพิจารณาไว้ให้ส่วนราชการอื่นทราบ ค. ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจ อนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบทําเป็นคําสั่งกําหนดระยะเวลาการพิจารณาไว้ให้ส่วนราชการอื่น ทราบ ตอบ ก.ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจ อนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบ ประกาศกําหนดระยะเวลาการพิจารณาไว้ให้ส่วน ราชการอื่นทราบ(มาตรา 24) ข้อ 39 ส่วนราชการใดที่มีอํานาจอนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบ มิได้ดําเนินการให้แล้วเสร็จ หากเกิดความเสียหายใดขึ้น ให้ถือว่า? ก.ให้ถือว่าหัวหน้าส่วนราชการนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข.ให้ถือว่าข้าราชการซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ค.ให้ถือว่าข้าราชการซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องและหัวหน้าส่วนราชการนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ง.ให้ถือว่าข้าราชการซึ่งมีหน้าที่และหัวหน้าส่วนราชการนั้นผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตอบ ค.ให้ถือว่าข้าราชการซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องและหัวหน้าส่วนราชการนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (มาตรา 24) ข้อ 40 จากข้อ 39 มีข้ออ้างใดจะเป็นข้อยกเว้นได้ จากความเสียหายที่เกิดขึ้น? ก.เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความล่าช้านั้นมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของตน ข.เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ความล่าช้าตามข้อกล่าวหา ค.เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความล่าช้านั้นเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ง.ทุกข้อสามารถนํามาเป็นข้อยกเว้นได้ ตอบ ก.เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความล่าช้านั้นมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของตน(24) มาตรา 24 ในการปฏิบัติภารกิจใด หากส่วนราชการจําเป็นต้องได้รับอนุญาต อนุมัติ หรือ ความเห็นชอบจากส่วนราชการอื่น ตามที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนด ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจอนุญาต อนุมัติ หรือให้ ความเห็นชอบดังกล่าว แจ้งผลการพิจารณาให้ส่วนราชการที่ยื่นคําขอทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคําขอ ในกรณีที่เรื่องใดมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนด ขั้นตอนการปฏิบัติไว้ และ ขั้นตอนการปฏิบัตินั้นต้องใช้เวลาเกินสิบห้าวัน ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจ อนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบประกาศกําหนด ระยะเวลาการพิจารณาไว้ให้ส่วนราชการอื่นทราบ ส่วนราชการใดที่มีอํานาจอนุญาต อนุมัติ หรือให้ความเห็นชอบ มิได้ดําเนินการให้แล้วเสร็จตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หากเกิดความเสียหายใดขึ้น ให้ถือว่าข้าราชการซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องและหัวหน้าส่วนราชการนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เว้นแต่ จะพิสูจน์ได้ว่าความล่าช้านั้นมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของตน ข้อ 41 ในการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาใด ๆ ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่รับผิดชอบในปัญหานั้น ๆ และในการตั้งคณะกรรมการขึ้น พิจารณาวินิจฉัย ให้ดําเนินการได้เท่าใด?
ก.ให้ดําเนินการได้เท่าที่จําเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ข.ให้ดําเนินการได้เต็มที่ ค.ให้ดําเนินการได้ตามขั้นตอน อย่างเต็มความสามารถ ง.ให้ดําเนินการรับผิดชอบตามอํานาจหน้าที่ที่พึงจะกระทํา ตอบ ก.ให้ดําเนินการได้เท่าที่จําเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (มาตรา 25) ข้อ 42 ในการพิจารณาเรื่องใด ๆ โดยคณะกรรมการ เมื่อคณะกรรมการมีมติเป็นประการใดแล้ว ปรากฏว่าผู้แทนส่วนราชการที่ เป็นกรรมการมิได้เข้าร่วมพิจารณาด้วย ผลจะเป็นประการใด? ก.ให้มติของคณะกรรมการผูกพันส่วนราชการซึ่งมีผู้แทนร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย ข.ถ้ามีความเห็นแตกต่างกันสองฝ่าย ให้บันทึกความเห็นของกรรมการฝ่ายข้างน้อยไว้ให้ปรากฏในเรื่องนั้นด้วย ค.ความผูกพันที่กําหนดในข้อ ก. มิให้ใช้บังคับกับการวินิจฉัยในปัญหาด้านกฎหมาย ง. ถูกหมดทุกข้อ ตอบ ง. ถูกหมดทุกข้อ ( มาตรา 25) มาตรา 25 ในการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาใด ๆ ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่รับผิดชอบในปัญหานั้น ๆ จะต้องพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด โดยเร็ว การตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาวินิจฉัย ให้ดําเนินการได้เท่าที่จําเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในการพิจารณาเรื่องใด ๆ โดยคณะกรรมการ เมื่อคณะกรรมการมีมติเป็นประการใดแล้ว ให้มติของคณะกรรมการผูกพัน ส่วนราชการซึ่งมีผู้แทนร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย แม้ว่าในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนั้นของผู้แทนส่วนราชการที่เป็นกรรมการจะมิได้ เข้าร่วมพิจารณาวินิจฉัยก็ตาม ถ้ามีความเห็นแตกต่างกันสองฝ่าย ให้บันทึกความเห็นของกรรมการฝ่ายข้างน้อยไว้ให้ปรากฏในเรื่อง นั้นด้วย ความผูกพันที่กําหนดในวรรคสอง มิให้ใช้บังคับกับการวินิจฉัยในปัญหาด้านกฎหมาย ข้อ 43 การสั่งราชการโดยปกติให้กระทําเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชามีความจําเป็นที่ไม่อาจสั่งเป็นลาย ลักษณ์อักษรในขณะนั้นควรทําเช่นใด? ก.จะสั่งราชการด้วยวาจาก็ได้ แต่ให้ผู้รับคําสั่งนั้นบันทึกคําสั่งด้วยวาจาไว้เป็นลายลักษรอักษร ข.เมื่อได้ปฏิบัติราชการตามคําสั่งดังกล่าวแล้ว ให้บันทึกรายงานให้ผู้สั่งราชการทราบ ในบันทึกให้อ้างอิงคําสั่งด้วยวาจาไว้ด้วย ค.ให้บันทึกเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์และให้ผู้บังคับบัญชานั้นลงนามรับรอง ง. ข้อ ก.และ ข ถูกต้องแล้วครับ ตอบ ง. ข้อ ก.และ ข ถูกต้องแล้วครับ (มาตรา 26) มาตรา 26 การสั่งราชการโดยปกติให้กระทําเป็นลายลักษณ์อักษร เว้นแต่ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชามีความจําเป็นที่ไม่อาจสั่งเป็นลาย ลักษณ์อักษรในขณะนั้น จะสั่งราชการด้วยวาจาก็ได้ แต่ให้ผู้รับคําสั่งนั้นบันทึกคําสั่งด้วยวาจาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และเมื่อได้ ปฏิบัติราชการตามคําสั่งดังกล่าวแล้ว ให้บันทึกรายงานให้ผู้สั่งราชการทราบ ในบันทึกให้อ้างอิงคําสั่งด้วยวาจาไว้ด้วย ข้อ 44 ให้ส่วนราชการจัดให้มีการกระจายอํานาจการตัดสินใจ เพื่อความเข้าใจการกระจาย อํานาจในการตัดสินใจ ท่านคิดว่าข้อ ใดไม่ใช่ ? ก. การกระจายอํานาจ เกี่ยวกับการสั่ง การอนุญาต ข. การกระจายอํานาจ เกี่ยวกับ การอนุมัติ การปฏิบัติราชการ ค. การกระจายอํานาจ เกี่ยวกับ การดําเนินการอื่นใดของผู้ดํารงตําแหน่งใดให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการ ดําเนินการในเรื่องนั้นโดยตรง ง.การกระจายอํานาจเกี่ยวกับความรวดเร็ว และเพิ่มขั้นตอนการปฏิบัติราชการ ตอบ ง. การกระจายอํานาจเกี่ยวกับความรวดเร็ว และเพิ่มขั้นตอนการปฏิบัติราชการ( มาตรา 27 ) ข้อ 45 ในการจัดให้มีการกระจายอํานาจดังกล่าว เพื่อมุ่งผลประโยชน์อันใด ? ก. ต้องมุ่งผลให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการบริการประชาชน ข. ต้องมุ่งผลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ ค. ต้องมุ่งผลให้เจ้าหน้าที่มีขวัญและกําลังใจ ง. ต้องมุ่งผลให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
ตอบ ก. ต้องมุ่งผลให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการบริการประชาชน ( มาตรา27 หมวดที่ 5) ข้อ 46 ในการจัดให้มีการกระจายอํานาจดังกล่าว จะหลีกเลี่ยง ขั้นตอนหรือการกลั่นกรองงานที่ไม่จําเป็นในการปฏิบัติงานของ ข้าราชการ และเพื่อเป็น การลดขั้นตอนเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งไม่เกิดผลเสียหายแก่ราชการ ควร ดําเนินการอย่างได? ก.ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือโทรคมนาคมตามความเหมาะสมและกําลังเงินงบประมาณ ข. ให้วางแผนการบริหารงานบุคคลใหม่ ค. ต้องเพิ่มงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ ง.ใช้งบประมาณและกําลังคนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตอบก.ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือโทรคมนาคมตามความเหมาะสมและกําลังเงินงบประมาณ ( มาตรา 27) หมวด 5 การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน มาตรา 27 ให้ส่วนราชการจัดให้มีการกระจายอํานาจการตัดสินใจเกี่ยวกับการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการ หรือ การดําเนินการอื่นใดของผู้ดํารงตําแหน่งใดให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดําเนินการในเรื่องนั้นโดยตรง เพื่อให้เกิด ความรวดเร็ว และลดขั้นตอนการปฏิบัติราชการ ทั้งนี้ ในการกระจายอํานาจการตัดสินใจดังกล่าวต้องมุ่งผลให้เกิดความสะดวกและ รวดเร็วในการบริการประชาชน เมื่อได้มีการกระจายอํานาจการตัดสินใจตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ส่วนราชการกําหนดหลักเกณฑ์การควบคุม ติดตาม และ กํากับดูแลการใช้อํานาจและความรับผิดชอบของผู้รับมอบอํานาจและผู้มอบอํานาจไว้ด้วย หลักเกณฑ์ดังกล่าวต้องไม่สร้างขั้นตอน หรือการกลั่นกรองงานที่ไม่จําเป็นในการปฏิบัติงานของข้าราชการ ในการนี้ หากสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือโทรคมนาคม แล้วจะเป็นการลดขั้นตอนเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งไม่เกิดผลเสียหายแก่ราชการ ให้ส่วนราชการดําเนินการให้ ข้าราชการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือโทรคมนาคมตามความเหมาะสมและกําลังเงินงบประมาณ เมื่อส่วนราชการใดได้มีการกระจายอํานาจการตัดสินใจตามวรรคหนึ่ง หรือได้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ โทรคมนาคมตามวรรคสองแล้ว ให้ส่วนราชการนั้นเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ข้อ 47 ในการจัดให้มีการกระจายอํานาจดังกล่าว ก.พ.ร.ต้องได้รับความเห็นชอบจากใครจึงจะสามารถ กําหนดหลักเกณฑ์และ วิธีการต่างๆได้ ? ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ค. คณะรัฐมนตรี ง.ทุกข้อต้องประชุมร่วมกัน ตอบ ค. คณะรัฐมนตรี (มาตรา 28) มาตรา 28 เพื่อประโยชน์ในการกระจายอํานาจการตัดสินใจตามมาตรา 27 ก.พ.ร. ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจะ กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการหรือแนวทางในการกระจายอํานาจการตัดสินใจ ความรับผิดชอบระหว่างผู้มอบอํานาจและผู้รับมอบ อํานาจ และการลดขั้นตอนในการปฏิบัติราชการให้ส่วนราชการถือปฏิบัติก็ได้ มาตรา 29 ในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนหรือการติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน ให้ส่วน ราชการแต่ละแห่งจัดทําแผนภูมิขั้นตอน และระยะเวลาการดําเนินการรวมทั้งรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอนเปิดเผย ไว้ ณ ที่ทําการของส่วนราชการและในระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการ เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจดูได้ ข้อ 48 ในกระทรวงหนึ่ง ใครมีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องจัดให้ส่วนราชการภายในกระทรวงที่รับผิดชอบปฏิบัติงานเกี่ยวกับการ บริการประชาชนร่วมกัน? ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ข.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ค. ปลัดกระทรวง ง.ผู้อํานวยการประจํากระทรวง
ตอบ ค. ปลัดกระทรวง (มาตรา 30) ข้อ 49 จากข้อ 48 ในการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมเพื่ออํานวยความสะดวกแก่ประชาชนดังกล่าว ประชาชนสามารถติดต่อ สอบถาม ขอทราบข้อมูล ขออนุญาต หรือขออนุมัติในเรื่องใด ๆ กับใครได้? ก. ติดต่อศูนย์ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ข. ติดต่อปลัดกระทรวงเพียงแห่งเดียว ค. ติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วม เพียงแห่งเดียว ง. ติดต่อรัฐมนตรีประจํากระทรวงเพียงแห่งเดียว ตอบ ค. ติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว(มาตรา 30) มาตรา 30 ในกระทรวงหนึ่ง ให้เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงที่จะต้องจัดให้ส่วนราชการภายในกระทรวงที่รับผิดชอบปฏิบัติงาน เกี่ยวกับการบริการประชาชนร่วมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วม เพื่ออํานวยความสะดวกแก่ประชาชนในการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกฎอื่นใด ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อ สอบถาม ขอทราบข้อมูล ขออนุญาต หรือขออนุมัติในเรื่องใด ๆ ที่เป็นอํานาจ หน้าที่ของส่วนราชการในกระทรวงเดียวกัน โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว ข้อ 50 ในศูนย์บริการร่วม ให้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวต่าง ๆ และดําเนินการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดําเนินการต่อไป หากมีปัญหาหรืออุปสรรคในการปฏิบัติราชการ ให้ส่วนราชการแจ้งใคร ? ก. แจ้ง ก.พ.ร. ข. แจ้งปลัดกระทรวง ค. แจ้งเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วม ง.แจ้งรัฐมนตรีประจํากระทรวงเพียงแห่งเดียว ตอบ ก. แจ้ง ก.พ.ร. (มาตรา 31) มาตรา 31 ในศูนย์บริการร่วมตาม มาตรา 30 ให้จัดให้มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวต่าง ๆ และดําเนินการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อดําเนินการต่อไป โดยให้มีข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับอํานาจหน้าที่ของทุกส่วนราชการในกระทรวง รวมทั้งแบบคําขอต่าง ๆ ไว้ให้พร้อมที่จะบริการประชาชนได้ ณ ศูนย์บริการร่วม ให้เป็นหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องจัดพิมพ์รายละเอียดของเอกสารหลักฐานที่ประชาชนจะต้องจะจัดหามาในการ ขออนุมัติหรือขออนุญาตในแต่ละเรื่องมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการร่วมและให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการร่วมที่ จะต้องแจ้งให้ประชาชนที่มาติดต่อได้ทราบในครั้งแรกที่มาติดต่อและตรวจสอบว่าเอกสารหลักฐานที่จําเป็นดังกล่าวนั้นประชาชนได้ ยื่นมาครบถ้วนหรือไม่ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงระยะเวลาที่จะต้องใช้ดําเนินการในเรื่องนั้น ในการยื่นคําร้องหรือคําขอต่อศูนย์บริการร่วมตาม มาตรา 30 ให้ถือว่าเป็นการยื่นต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่ ระบุไว้ในกฎหมายหรือกฎแล้ว ในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง หากมีปัญหาหรืออุปสรรคในการปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กําหนดในกฎหมายหรือกฎในเรื่องใด ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ ก.พ.ร . ทราบ เพื่อดําเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีให้มีการ ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎหมายหรือกฎนั้นต่อไป ข้อ 51 ข้อใดไม่ใช่บริเวณจัดตั้งศูนย์บริการร่วม ? ก. ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอําเภอ ข.ที่ว่าการกิ่งอําเภอ ค.สถานที่อื่นตามที่เห็นสมควร ง.ทุกที่คือที่จัดตั้งศูนย์บริการร่วม ตอบ ง.ทุกที่คือที่จัดตั้งศูนย์บริการร่วม(มาตรา 32) มาตรา 32 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ และปลัดอําเภอผู้เป็นหัวหน้าประจํากิ่งอําเภอจัดให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบ ดําเนินการเกี่ยวกับการบริการประชาชนในเรื่องเดียวกันหรือต่อเนื่องกันในจังหวัด อําเภอ หรือกิ่งอําเภอนั้น ร่วมกันจัดตั้ง ศูนย์บริการร่วมไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอําเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอําเภอ หรือสถานที่อื่นตามที่เห็นสมควร โดยประกาศให้ ประชาชนทราบ และให้นําความในมาตรา 30 และ ม. 31 มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ข้อ 52 ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจําเป็นหรือสมควรที่จะได้ดําเนินการต่อไปหรือไม่ ข้อใด ไม่ควรคํานึง? ก. คํานึงถึงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคณะรัฐมนตรี ข..คํานึงถึง กําลังเงินงบประมาณของประเทศ
ค.คํานึงถึงการบริหารงานบุคคลและการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ง.คํานึงถึงความคุ้มค่าของภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบ กัน ตอบ ค.คํานึงถึงการบริหารงานบุคคลและการบริหารทรัพยากรมนุษย์(มาตรา 33) ข้อ 53 ในกรณีที่ส่วนราชการเห็นควรยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจ ให้ส่วนราชการดําเนินการปรับปรุงอํานาจหน้าที่ โครงสร้าง ของส่วนราชการให้สอดคล้องกันต้องเสนอใคร? ก.เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป ข.เสนอรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป ค.เสนอ นายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป ง.เสนอปลัดกระทรวงพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป ตอบ ก.เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป(มาตรา 33) หมวด 6 การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ มาตรา 33 ให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจําเป็นหรือสมควรที่จะได้ดําเนินการต่อไป หรือไม่ โดยคํานึงถึงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบายของคระรัฐมนตรี กําลังเงินงบประมาณของประเทศ ความคุ้มค่าของ ภารกิจและสถานการณ์อื่นประกอบกัน กําหนดเวลาในการจัดให้มีการทบทวนตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่ ก.พ.ร. กําหนด ในกรณีที่ส่วนราชการเห็นควรยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจ ให้ส่วนราชการดําเนินการปรับปรุงอํานาจหน้าที่ โครงสร้าง และอัตรากําลัง ของส่วนราชการให้สอดคล้องกัน และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดําเนินการต่อไป ในกรณีที่ ก.พ.ร. พิจารณาแล้วเห็นว่าภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการใดรับผิดชอบดําเนินการอยู่สมควรเปลี่ยนแปลง ยกเลิก หรือ เพิ่มเติม ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว ให้ส่วนราชการนั้นดําเนินการปรับปรุงภารกิจ อํานาจหน้า โครงสร้างและอัตรากําลังของส่วนราชการนั้นให้สอดคล้องกัน ข้อ 54 ห้ามมิให้จัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออํานาจหน้าที่ที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับส่วนราชการ ดังกล่าวขึ้นอีก แต่กรณีต่อไปนี้สามารถทําได้? ก. มีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และมีเหตุผลจําเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ข. มีการเปลี่ยนแปลงแผนทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อรักษาผลประโยชนส่วนรวมของประชาชน ค. ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร. ง. ทุกข้อสามารถทําได้ ตอบ ง. ทุกข้อสามารถทําได้ (มาตรา 34) มาตรา 34 ในกรณีที่มีการยุบ เลิก โอน หรือรวมส่วนราชการใดทั้งหมดหรือบางส่วน ห้ามมิให้จัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรือ อํานาจหน้าที่ที่มีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันกับส่วนราชการดังกล่าวขึ้นอีก เว้นแต่มีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการ แผ่นดิน และมีเหตุผลจําเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ หรือรักษาผลประโยชนส่วนรวมของประชาชน และโดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร. ข้อ 55 ส่วนราชการคํานึงถึงหลักใด ในการที่จะสํารวจตรวจสอบ และทบทวนกฎหมายหรือข้อบังคับให้ใหม่และทันสมัยอยุ่เสมอ ? ก.คํานึงถึงความสะดวกรวดเร็วและลดภาระของประชาชนเป็นสําคัญ ข.คํานึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสําคัญ ค.คํานึงถึงเสรีภาพของประชาชนเป็นสําคัญ ง.คํานึงถึงความเสมอภาพของประชาชนเป็นสําคัญ ตอบ ก.คํานึงถึงความสะดวกรวดเร็วและลดภาระของประชาชนเป็นสําคัญ (มาตรา 35)
มาตรา 35 ส่วนราชการมีหน้าที่สํารวจ ตรวจสอบ และทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศขึ้นใหม่ ให้ทันสมัย และเหมาะสมกับสภาวการณ์ หรือสอดคล้องกับความจําเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ โดยคํานึงถึง ความสะดวกรวดเร็วและลดภาระของประชาชนเป็นสําคัญ ในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ส่วนราชการนําความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของประชาชนมาประกอบการพิจารณา ด้วย ข้อ 56 ใครมีหน้าที่ต้องเสนอแนะส่วนราชการ ถ้าเห็นว่ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ไม่สอดคล้องหรือ เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ช่วยบอกน้องเหมียวหน่อยนะข้อนี้เหมียวอยากรู้? ก.สํานักคณะกรรมการกฤษฏีกา ข.สํานักงานพัฒนาระบบราชการไทย ค.สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ง.สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตอบ ก.สํานักคณะกรรมการกฤษฏีกา (มาตรา 36) ในกรณีส่วนราชการที่ได้รับการเสนอแนะไม่เห็นชอบด้วยกับคําเสนอแนะของสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เสนอ เรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวินิจฉัย ข้อ 57 จากข้อ 56 ถ้าส่วนราชการไม่เห็นชอบด้วยกับคําเสนอแนะดังกล่าวจะเสนอเรื่องต่อใครเพือพิจารณาวินิจฉัยต่อไป ? ( ข้อนี้ ว่าที่ ดร.ปาริชาติอยากถาม) ก.ให้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวินิจฉัย ก.ให้เสนอเรื่องต่อสํานักคณะกรรมการกฤษฏีกา ข.ให้เสนอเรื่องต่อสํานักงานพัฒนาระบบราชการไทย ค.ให้เสนอเรื่องต่อสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตอบ ก.ให้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวินิจฉัย (มาตรา 36) มาตรา 36 ในกรณีที่สํานักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาเห็นว่ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ที่อยู่ในความ รับผิดชอบของส่วนราชการใด ไม่สอดคล้องหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่เอื้ออํานวยต่อการพัฒนาประเทศ เป็น อุปสรรคต่อการประกอบกิจการหรือการดํารงชีวิตของประชาชน หรือก่อให้เกิดภาระหรือความยุ่งยากต่อประชาชนเกินสมควร ให้ สํานักคณะกรรมการกฤษฏีกาเสนอแนะต่อส่วนราชการนั้นเพื่อดําเนินการแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกโดยเร็วต่อไป ในกรณีส่วนราชการที่ได้รับการเสนอแนะไม่เห็นชอบด้วยกับคําเสนอแนะของสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เสนอ เรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวินิจฉัย ข้อ 58 ในการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนหรือติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน อะไรเป็นสิ่ง สําคัญที่ส่วนราชการควรกําหนดและประกาศให้ประชาชนทราบ? ก.ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงาน ข.จํานวนเงินงบประมาณของแต่ละงาน ค.จํานวนบุคคลกรของงานแต่ละงาน ง.วัตถุประสงค์ของงานแต่ละงาน ตอบ ก.ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงาน(มาตรา 37) มาตรา 37 ในการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนหรือติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน ให้ส่วน ราชการกําหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงานและประกาศให้ประชาชนและข้าราชการทราบเป็นการทั่วไป ส่วนราชการใด มิได้กําหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานใดและ ก.พ.ร. พิจารณาเห็นว่างานนั้นมีลักษณะที่สามารถกําหนดระยะเวลาแล้วเสร็จได้ หรือส่วนราชการได้กําหนดระยะเวลาแล้วเสร็จไว้ แต่ ก.พ.ร.เห็นว่าเป็นระยะเวลาที่ล่าช้าเกินสมควร ก.พ.ร. จะกําหนดเวลาแล้วเสร็จ ให้ส่วนราชการนั้นต้องปฏิบัติก็ได้ ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องตรวจสอบให้ข้าราชการปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จตามกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ข้อ 59 นาย von มีปัญหาไม่เข้าใจเกี่ยวกับงานราชการ ได้ติดต่อสอบถามเป็นหนังสือไปยังส่วนราชการนั้น กรณีนี้ นาย von จะต้องได้รับคําตอบหรือแจ้งการดําเนินของส่วนราชการนั้นให้ทราบภายในกี่วัน?
ก. ภายในสิบห้าวัน ข.ภายในกําหนดเวลาที่กําหนด ค.ทั้ง ก แล ะข. ง. เสร็จเมื่อไรก็ได้ตามลักษณะงาน ตอบ ค.ทั้ง ก และข. (มาตรา 38) ต้องอ่าน มาตรา 37 ประกอบนะคับ มาตรา 38 เมื่อส่วนราชการใดได้รับการติดต่อสอบถามเป็นหนังสือจากประชาชนหรือจากส่วนราชการด้วยกันเกี่ยวกับงานที่อยู่ใน อํานาจหน้าของส่วนราชการนั้น ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นที่จะต้องตอบคําถามหรือแจ้งการดําเนินการให้ทราบภายในสิบห้า วัน หรือภายในกําหนดเวลาที่กําหนดไว้ตาม มาตรา 37 ข้อ 60 การจัดให้มีระบบเครื่อข่ายสารสนเทศของส่วนราชการเพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ต้องจัดตามระบบ เดียวกับหน่วยงานใด? ก.ระบบเดียวกับที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ข.ระบบเดียวกับที่สํานักนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ ค.ระบบเดียวกับคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ ง.ระบบเดียวกับที่กระทรวงคมนาคมรับรอง ตอบ ก.ระบบเดียวกับที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(มาตรา 39) มาตรา 39 ให้ส่วนราชการจัดให้มีระบบเครื่อข่ายสารสนเทศของส่วนราชการเพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะสามารถ ติดต่อสอบถามหรือขอข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ระบบเครือข่ายสารสนเทศตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดทําในระบบเดียวกับที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดให้ มีขึ้นตาม มาตรา 40 ข้อ 61 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯได้จัดการอย่างไร เพื่ออํานวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่ประชาชนในการติดต่อกับ ส่วนราชการทุกแห่ง ? ก.จัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศกลางขึ้น ข.จัดให้มีระบบสารบัญอิเล็กทรอนิสก์กลาง ค.จัดให้มีระบบศูนย์เครือข่ายบริการประชาชนกลางขึ้น ง.จัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศภาคประชาชนขึ้น ตอบ ก.จัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศกลางขึ้น(มาตรา 40) ข้อ 62 ในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่อาจจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการได้ให้ทําอย่างไร? ก. ให้กระทรวงต้นสังกัดของหน่วยงานจัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศ ข. ให้สํานักงานพัฒนาระบบราชการไทยดําเนินการจัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศ ค ร้องขอให้กระทรวงเทคโนโลยีฯดําเนินการจัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศ ง ร้องขอให้สํานักงบประมาณจัดงบประมาณให้จัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศ ตอบ ค ร้องขอให้กระทรวงเทคโนโลยีฯดําเนินการจัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศ(มาตรา 40) มาตรา 40 เพื่ออํานวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่ประชาชนในการติดต่อกับส่วนราชการทุกแห่ง ให้กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศฯจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศกลางขึ้น ในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่อาจจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการได้อาจร้องขอให้กระทรวงเทคโนโลยี ฯดําเนินการจัดทําระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการดังกล่าวก็ได้ ในการนี้กระทรวงเทคโนโลยี ฯ จะขอให้ส่วนราชการให้ ความช่วยเหลือด้านบุคลากร ค่าใช้จ่าย และข้อมูลในการดําเนินการก็ได้ ข้อ 63 นาย von ไม่พอใจการทํางานส่วนราชการแห่งหนึ่งจึงร้องเรียนไปที่หัวหน้าส่วนราชการนั้น ทางระบบเครือข่าย สารสนเทศ หน่วยราชการจะจัดการอย่างไรบ้าง? ก. ส่วนราชการนั้นที่จะต้องพิจารณาดําเนินการให้ลุล่วงไป ข. ในกรณีที่มีที่อยู่ของบุคคลนั้นให้แจ้งให้บุคคลนั้นทราบผลการดําเนินการด้วย ค. มิให้เปิดเผยชื่อหรือที่อยู่ของผู้ร้องเรียนเสนอแนะ หรือแสดงความคิดเห็น ตอบ ง.ถูกหมดทุกข้อ (มาตรา 41) ง. ถูกหมดทุกข้อ
มาตรา 41 ในกรณีที่ส่วนราชการได้รับคําร้องเรียน เสนอแนะ หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการ อุปสรรค ความยุ่งยาก หรือปัญหาอื่นใดจากบุคคลใด โดยมีข้อมูลและสาระตามสมควรให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นที่จะต้องพิจารณาดําเนินการให้ ลุล่วงไป และในกรณีที่มีที่อยู่ของบุคคลนั้นให้แจ้งให้บุคคลนั้นทราบผลการดําเนินการด้วย ทั้งนี้ อาจแจ้งให้ทราบผ่านทางระบบ เครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการด้วยก็ได้ ในกรณีที่การแจ้งผ่านทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ มิให้เปิดเผยชื่อหรือที่อยู่ของผู้ร้องเรียนเสนอแนะ หรือแสดง ความคิดเห็น ข้อ 64 จากข้อ 63 ที่ นาย von ร้องเรียนหรือเสนอแนะ ส่วนราชการ ให้ส่วนราชการที่ออกกฎ ระเบียบ ข้องบังคับ หรือประกาศ นั้นพิจารณาโดยทันที และในกรณีที่เห็นว่าการร้องเรียนหรือเสนอแนะนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดในในกฎ ระเบียบ ต้องชี้แจงให้นาย von ทราบภายในกี่วัน ก. เจ็ดวัน ข. สิบวัน ค. สิบห้าวัน ง. สามสิบวัน ตอบ ค. สิบห้าวัน (มาตรา 42) ข้อ 65 จากข้อ 64 ที่ นาย von เป็นข้าราชการและ ร้องเรียนหรือเสนอแนะ ส่วนราชการ จะแจ้งผ่านหน่วยงานใดได้อีก? ก. แจ้งผ่าน ก.พ.ร. ก็ได้ ข. แจ้งผ่าน สํานักนายกฯ ก็ได้ ค. แจ้งผ่าน ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ก็ได้ ง. แจ้งผ่าน ก.ก.ช. ก็ได้ ตอบ ก. แจ้งผ่าน ก.พ.ร. ก็ได้(มาตรา 42) มาตรา 42 เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความสะดวกรวดเร็ว ให้ส่วนราชการที่มีอํานาจออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ เพื่อใช้บังคับกับส่วนราชการอื่นมีหน้าที่ตรวจสอบว่ากฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศนั้น เป็น อุปสรรคหรือก่อให้เกิดความยุ่งยากซ้ําซ้อน หรือความล่าช้า ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการอื่นหรือไม่ เพื่อดําเนินการปรับปรุง แก้ไขให้เหมาะสมโดยเร็วต่อไป ในกรณีที่ได้รับการร้องเรียนหรือเสนอแนะจากข้าราชการหรือส่วนราชการอื่นในเรื่องใด ให้ส่วนราชการที่ออกกฎ ระเบียบ ข้องบังคับ หรือประกาศนั้นพิจารณาโดยทันที และในกรณีที่เห็นว่าการร้องเรียนหรือเสนอแนะนั้นเกิดจากความเข้าใจผิด หรือความไม่เข้าในในกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ให้ชี้แจงให้ผู้ร้องเรียนหรือเสนอแนะทราบภายใน สิบห้าวัน การร้องเรียนหรือเสนอแนะตามวรรคสองจะแจ้งผ่าน ก.พ.ร. ก็ได้ ในกรณีที่ ก.พ.ร. เห็นว่า กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศใดมีลักษณะตามวรรคหนึ่งให้ ก.พ.ร. แจ้งในส่วนราชการที่ ออก กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศนั้นทราบเพื่อดําเนินการปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก ต่อไปโดยเร็ว ข้อ 66 การปฏิบัติราชการในเรื่อง ใด ๆ โดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย ถามหน่อยซิว่า แล้วเรื่องใดบ้างถือว่าจําเป็นไม่ต้อง เปิดเผย? ก. กรณีมีความจําเป็น อย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศ ข. จําเป็นต่อความมั่งคงทางเศรษฐกิจ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ค. การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล จึงให้กําหนดเป็นความลับได้เท่าที่จําเป็น ง. ถุกข้อเปิดเผยไม่ได้ ตอบ ง.ถุกข้อเปิดเผยไม่ได้(มาตรา 43) มาตรา 43 การปฏิบัติราชการในเรื่อง ใด ๆ โดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย เว้นแต่กรณีมีความจําเป็น อย่างยิ่งเพื่อ ประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศ ความมั่งคงทางเศรษฐกิจ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือการ คุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล จึงให้กําหนดเป็นความลับได้เท่าที่จําเป็น ข้อ 67 เรื่องใด ส่วนราชการต้องจัดให้มีการเปิดเผย ? ก. ข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายแต่ละปี ข. รายการเกี่ยวกับการจัดซี้อหรือจัดจ้างที่จะดําเนินการในปีงบประมาณนั้น ค. สัญญาใด ๆ ที่ได้มีการอนุมัติให้จัดซี้อหรือจัดจ้างแล้ว ง. ถุกหมดทุกข้อ ตอบ ง.ถุกหมดทุกข้อ(มาตรา 44) ข้อ 68 ในการจัดทําสัญญาจัดซื้อหรือจัดจ้าง ห้ามมีข้อความใดบ้าง?
ก. ห้ามมิให้เปิดเผยข้อความหรือข้อตกลงในสัญญาดังกล่าว ข. ควรเปิดเผยสัญญา ค. ควรเปิดเผยข้อตกลงในสัญญา ตอบ ก. ห้ามมิให้เปิดเผยข้อความหรือข้อตกลงในสัญญาดังกล่าว (มาตรา 44) ง. ไม่มีข้อห้ามทุกข้อ (คือ ในสัญญามีข้อความว่า ไม่ให้เปิดเผยข้อความ..........ไม่ได้) มาตรา 44 ส่วนราชการต้องจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายแต่ละปีรายการเกี่ยวกับการจัดหรือจัด จ้างที่จะดําเนินการในปีงบประมาณนั้น และสัญญาใด ๆ ที่ได้มีการอนุมัติให้จัดซี้อหรือจัดจ้างแล้ว ให้ประชาชนสามารถขอดูหรือ ตรวจสอบได้ ณ สถานที่ทําการของส่วนราชการ และระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการ ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูล ดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือความเสียหายแก่บุคคลใดในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ในการจัดทําสัญญาจัดซื้อหรือจัดจ้าง ห้ามมิให้มีข้อความหรือข้อตกลงห้ามมิให้เปิดเผยข้อความหรือข้อตกลงในสัญญา ดังกล่าว แว้นแต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่อยู่ภายใต้ของคับกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้องบังคับที่เกี่ยวกับการคุ้มครองความลับ ทางราชการ หรือในส่วนที่เป็นความลับทางการค้า ข้อ 69 ปกติส่วนราชการมีการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และแผนปฏิบัติของส่วนราชการที่กําหนดขึ้นอยู่แล้ว แต่เพื่อเกี่ยวกับ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ คุณภาพการให้บริการ ความพึงพอใจของประชาชน จึงให้ส่วนราชการจัดการอย่างไรได้? ก. จัดให้มีคณะผู้ประเมินอิสระ ข. จัดจ้างคณะผู้ติดตามประเมินผล ค. จัดให้มีคณะผู้ตรวจสอบการประเมิน ง. ถูกทุกข้อ ตอบ ง.ถูกทุกข้อ (มาตรา 45 หมวดที่ 8) หมวด 8 การประเมินผลการปฏิบัติราชการ มาตรา 45 นอกจากการจัดให้มีการประเมินผลตามมาตรา ๙ (๓) แล้ว ให้ส่วนราชการจัดให้มีคณะผู้ประเมินอิสระ ดําเนินการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ คุณภาพการให้บริการ ความพึงพอใจของ ประชาชนผู้รับบริการ ความคุ้มค่าในภารกิจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ ก.พ.ร. กําหนด ข้อ 70 การประเมินภาพรวมของผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับหรือหน่วยงานในส่วนราชการ จะต้องกระทําในลักษณะใด? ก. ต้องกระทําเป็นความลับ ข. ต้องกระทําเพื่อประโยชน์แห่งความสามัคคีของข้าราชการ ค.ต้องเปิดเผย ง. ข้อ ก.และ ข.ถูก ตอบ ง.ข้อ ก.และ ข.ถูก (มาตรา 46) มาตรา 46 ส่วนราชการอาจจัดให้มีการประเมินภาพรวมของผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับหรือหน่วยงานในส่วนราชการ ได้ ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวต้องกระทําเป็นความลับและเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความสามัคคีของข้าราชการ ข้อ 71 ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคล ควรคํานึงถึงอะไรบ้าง ก.ประเมินโดยคํานึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้นในตําแหน่งที่ปฏิบัติ ข.ประเมินโดยคํานึงถึงประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่หน่วยงานได้รับจากการปฏิบัติงานของข้าราชการผู้นั้นสังกัด ค.ประเมินโดยคํานึงถึงผลการปฏิบัติงานและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ง. ถูกหมดทุกข้อ ตอบ ขอหลอกสักข้อนะ คับ จริง ๆแล้ว ก และ ข.ถูก ผมเดาว่าท่านต้องเลือก ข้อ. ง (มาตรา 47 ครับ) มาตรา 47 ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคล ให้ส่วนราชการประเมิน โดยคํานึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้นในตําแหน่งที่ปฏิบัติ ประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่หน่วยงานที่ข้าราชการผู้ นั้นสังกัดได้รับจากการปฏิบัติงานของข้าราชการผู้นั้น ข้อ 72 ก.พ.ร. เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษเป็นบําเหน็จความชอบแก่ส่วนราชการหรือให้ส่วนราชการใช้เงินงบประมาณ เหลือจ่ายของส่วนราชการนั้นได้กรณีใด? ก. ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการให้บริการที่มีคุณภาพและเป็นไปตามเป้าหมายที่กําหนด ข.ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการเป็นที่พึงพอใจแก่ประชาชน
ค. ในกรณีที่ส่วนราชการเสนอผลงานให้ ก.พ.ร. ทราบ ตอบ ง.ข้อ ค.ผิด (มาตรา 48 ) ง.ข้อ ค.ผิด ข้อ 73 ตามข้อ 72 จะใช้วิธีการและหลักเกณฑ์ใด? ก. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ คณะรัฐมนตรีกําหนดโดยความเห็นชอบของ ก.พ.ร. ข. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.ร. กําหนดโดยความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ค. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ นายกรัฐมนตรีกําหนดโดยความเห็นชอบของ ก.พ.ร. ง. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.ร. กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตอบ ง. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.ร. กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี(มาตรา 48) มาตรา 48 ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการให้บริการที่มีคุณภาพและเป็นไปตามเป้าหมายที่กําหนด รวมทั้งเป็นที่พึง พอใจแก่ประชาชน ให้ ก.พ.ร. เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษเป็นบําเหน็จความชอบแก่ส่วนราชการหรือให้ส่วนราชการใช้ เงินงบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการนั้น เพื่อนําไปใช้ในการปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการหรือจัดสรรเป็นรางวัลให้ ข้าราชการในสังกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.ร. กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ข้อ 74 เมื่อส่วนราชการใดได้ดําเนินงานไปตามเป้าหมายโดยไม่เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ ก.พ.ร. กําหนด แล้ว ก.พ.ร. สามารถเสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรสิ่งใดให้หน่วยรราชการนั้น? ก.เพื่อจัดสรรเงินรางวัลการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ส่วนราชการนั้น ข.เพื่อจัดสรรให้ส่วนราชการนั้นใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการนั้น ค. ข้อ ก และ ข. ถูก ง. ข้อ ก และ ข. ผิด ตอบ ค. ข้อ ก และ ข. ถูก ( มาตรา 49) ข้อ 75 จากข้อ 74 ถามความเข้าใจท่านว่า สิ่งที่จัดสรรให้ดังกล่าวเพื่ออะไร มีข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์นั้น ? ก.เพื่อนําไปใช้ในการปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ข.เพื่อจัดสรรเป็นรางวัลให้ข้าราชการในสังกัด ค.เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ทางอุปโภคและสาธานูประโภค ง.หาข้อถูกไม่ได้ ตอบ ค.เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ทางอุปโภคและสาธานูประโภค ( มาตรา 49) มาตรา 49 เมื่อส่วนราชการใดได้ดําเนินงานไปตามเป้าหมาย สามารถเพิ่มผลงานและผลสัมฤทธิ์ โดยไม่เป็น การเพิ่มค่าใช้จ่ายและคุ้มค่าต่อภารกิจของรัฐหรือสามารถดําเนินการตามแผนการลดค่าใช้จ่ายต่อหน่วยตามหลักเกณฑ์ ก.พ.ร. กําหนด ให้ ก.พ.ร. เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินรางวัลการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ส่วนราชการนั้น หรือให้ส่วนราชการ ใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการนั้น เพื่อนําไปใช้ในการปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการหรือจัดสรรเป็นรางวัลให้ ข้าราชการในสังกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.ร. กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี สาระในหมวดที่ 9 ผมขอให้ท่านอ่านแล้วทําความเข้าใจเองครับ เพิ่มเติมจากหมวดที่แล้ว ๆ มา หมวด ๙ บทเบ็ดเตล็ด มาตรา๕๐ เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ก.พ.ร. โดยความ เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาจกําหนดให้ส่วนราชการต้องปฏิบัติการใดนอกเหนือจากที่กําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ รวมทั้ง กําหนดมาตรการอื่นเพิ่มเติมจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ก็ได้
มาตรา๕๑ ในกรณีที่พระราชกฤษฎีกานี้กําหนดให้ส่วนราชการต้องจัดทําแผนงานในเรื่องใด และมีกฎหมายฉบับอื่น กําหนดให้ส่วนราชการต้องจัดทําแผนงานในเรื่องเดียวกันทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อส่วนราชการได้จัดทําแผนงานตามกฎหมายฉบับใด ฉบับหนึ่งแล้วให้ถือว่าส่วนราชการนั้นได้จัดทําแผนตามพระราชกฤษฎีกานี้ด้วยแล้ว มาตรา๕๒ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทําหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระราช กฤษฎีกานี้โดยอย่างน้อยต้องมีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและการอํานวยความสะดวกและการตอบสนองความ ต้องการของประชาชนที่สอดคล้องกับบทบัญญัติในหมวด ๕ และหมวด ๗ ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยดูแลและให้ความช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทําหลักเกณฑ์ตาม วรรคหนึ่ง มาตรา๕๓ ให้องค์การมหาชนและรัฐวิสาหกิจ จัดให้มีหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระ ราชกฤษฎีกานี้ ในกรณีที่ ก.พ.ร. เห็นว่าองค์การมหาชนหรือรัฐวิสาหกิจใดไม่จัดให้มีหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่งหรือมีแต่ไม่สอดคล้องกับ พระราชกฤษฎีกานี้ ให้แจ้งรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่กํากับดูแลองค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อพิจารณาสั่งการให้องค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจนั้น ดําเนินการให้ถูกต้องต่อไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตํารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ขอได้รับความขอบคุณทุกท่านครับ ชุดต่อไปจะเป็นคิว ป.ตรี ครับ ระเบียบสํานักนายยกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบัญ พ.ศ.2526 ฉบับ แก้ไขใหม่ล่าสุด ซิง ๆ เพื่อน ป.โท จะดูทบทวนไปก็ได้ครับ ขอให้ ชาวป.โท ที่จะลงสนาม 23 กย 50 นี้ ประสบผลสําเร็จทุกท่าน ด้วยครับ ด้วยรัก จาก นาย von ซะแล้ว(
[email protected])